รีวิว บทเรียนรักฉบับนายเพลย์บอย Why Women Love (2022)

บทเรียนรักฉบับนายเพลย์บอย Why Women Love (2022) แนวโรแมนติกคอมเมดี้ รักต่างวัย ได้นักแสดงสาวสวยรุ่นพี่อย่าง จินเฉิน ประกบคู่กับนักแสดงรุ่นน้อง หวังจื่ออี้ หนุ่มหล่อสุดฮอต นักร้องวง Boom Boom Taker ที่เล่าถึงเรื่องของแอปพลิเคชั่นเลิฟโน๊ต แอปที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้พบรักกับคนที่มีความต้องการคล้ายกันได้ โดยเป็นจุดเริ่มต้นของการมีความรักของผู้จัดการสาวขาโหดประจำบริษัทที่ได้มาพบกับลูกชายของท่านประธาน

เรื่องราวของจ้าวเจียงเยว่ (จินเฉิน) ผู้จัดการสาวสวย ฉายาเจ้าสาวกลัวฝน ผู้กลัวการมีรักแต่เมื่อบริษัทกำลังจะปล่อยแอปตัวใหม่ Love Note แอปหาคู่ที่เข้าใจความรัก จ้าวเจียงเยว่เลยประกาศออกสื่อให้สัญญาว่า จะหาคู่ให้ได้ภายในสามเดือนโดยใช้แอปที่เธอเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนไม่เคยมีความรักมาก่อนอย่างเธอ เธอไม่รู้วิธีการตกหลุมรักและการมีความรักทำให้ได้รับความช่วยเหลือจาก กู้เจียซิน (หวังจื่ออี้) เด็กหนุ่มสุดทะเล้นเพลย์บอยสุดฮอตลูกเจ้าของบริษัทมาให้เธอสอนงานที่ถูกฝากฝังให้จ้าวเจียงเยว่ช่วยสอนงานให้กับเขา  เพื่อปั้นให้เขาเป็นประธานบริษัทในวันข้างหน้า ถึงจะไม่เต็มใจเข้าทำงาน แต่กู้เจียซินก็ช่วยแนะนำจ้าวเจียงเยว่เรื่องการออกเดท เมื่อทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างกันก็เริ่มก่อตัวขึ้น

โดยรวมการเดินเรื่องไว เนื้อหาเรียบง่ายโดยเนื้อหาหลักของเรื่องจะเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นหาคู่และจ้าวเจียงเยว่ ผู้จัดการสาวที่ไม่เคยมีความรักเลยสักครั้งรวมไปถึงเรื่องราวความรักวุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัวของจ้าวเจียงเยว่ ตัวละครหลักมีปมในใจเฉลยปมไวแต่ทิ้งปริศนาเรื่องราวของตัวละครนั้นไว้อย่างลึกลับ โดยรวมแล้วเข้าใจง่ายความดราม่ายังมีน้อยนะคะ เพื่อน ๆ ที่ชอบแนวรักโรแมนติกรพะเอกนางเอกเป็นคู่กัด ทะเลาะกันได้ตลอดเวลา แนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ ดูเพลินมาก  ใครชอบแนวรอมคอม รักต่างวัย เนื้อเรื่องการหาคู่เบา ๆ ไม่ดราม่า พระนางสวยหล่อ ก็เชิญเรื่องนี้เลยค่ะ

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังมิวสิคัล เพลงดนตรี ได้ที่นี่

รีวิว I Hear You แว่วเสียงรัก (2019) หญิงสาวที่ฝันอยากเป็นนักพากษ์

I Hear You แว่วเสียงรัก หญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นนักพากย์หญิง แต่มีเหตุผลบางอย่างให้เธอต้องยอมเป็นคู่รักปลอมๆ กับนักสร้างไวโอลินก็คือพระเอก​ แต่เธอและพระเอกถูกจับมาออกรายการเรียลลิตี้ เธอจึงตัดสินใจได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในรายการคู่รักและต้องเป็นคู่รักปลอมๆ ของพระเอก​ เรื่องนี้ทั้งพระเอกและนางเอกแสดงได้น่ารักมาก​ ๆ​ ใครไม่ดูถือว่าพลาดนะคะ​ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน​

เรื่องราวหญิงสาววัยรุ่นเป่ยเอ๋อตู (จ้าวลู่ซือ) เธอมาจากครอบครัวธรรมดาแต่เธอมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักพากย์และเก็บเงินเพื่อไปศึกษาในประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับพ่อแม่ทุกคน แม่ของเธอต้องการให้เธอแต่งงานกับคนรวยและตั้งรกรากมีครอบครัวเร็ว ๆ แต่เป่ยเอ๋อตูเบื่อหน่ายกับการนัดบอดและไม่อยากมีแฟนในตอนนี้ ต่อมาเรื่องราวกลับตาลปัตรเธอต้องเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้เพื่อช่วยเพื่อนสนิทของเธอ จนได้พบกับเย่ซูเว่ย (ไรลีย์หวัง) เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานทางศิลปะ เป็นอัจฉริยะในอุตสาหกรรมการแต่งเพลงและการทำไวโอลิน ทั้งคู่ต้องแกล้งรักกันแต่ภายหลังคือรักกันจริง ๆ ซีรีย์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความรักและความโรแมนติก

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

รีวิว Cherry Blossoms After Winter ซากุระในสายลมหนาว (2022)

Cherry Blossoms After Winter ซากุระในสายลมหนาว ซีรีย์วายเกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ชีวิตวัยเรียนกระทั่งทำงาน สร้างจากมันฮวา (มังงะเกาหลี) ในชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มสองคนอยู่ในบ้านแต่พวกเขาต่างเข้าใจผิดว่าถูกเกลียดจึงพยายามเลี่ยงเจอหน้ากัน แต่เมื่อรู้ว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เรื่องราวความรักที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจพัดพาสายลมหนาวจึงได้เริ่มต้นขึ้น

เรื่องราวของแฮบม (นายเอก) เพราะพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเด็กทำให้เขาถูกแม่ของแทซองรับมาเลี้ยง และตั้งแต่นั้นก็เข้าใจผิดว่าแทซองเกลียดเขาจึงพยายามเลี่ยงเจอแทซองมาตลอดจนกระทั่งทั้งคู่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันในปีสุดท้ายของการเรียนมัธยม อีกทั้งเขายังถูกเพื่อนแกล้งและไถเงินต่อหน้าแทซองอีกต่างหาก เรื่องถูกเพื่อนกลั่นแกล้งที่เขาพยายามปิดบังคุณป้ามาตลอดเพราะไม่อยากให้ท่านกังวลใจถูกแทซองเห็นเข้าแล้ว เพราะการอยู่ห้องเรียนเดียวกัน แม่ของแทซองจึงฝากฝังลูกชายให้ดูแลแฮบม เพราะอีกไม่นานหลังเรียนจบ เมื่อเข้ามหาลัยแฮบมก็จะย้ายออกไปแล้ว ข่าวนี้สร้างความตกใจให้แทซองเป็นอย่างมาก เพราะเขาแอบหลงรักแฮบมมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเห็นแฮบมเลี่ยงเจอเขาจึงคิดว่าถูกเกลียดเข้าแล้ว เขาจึงพยายามเลี่ยงเจอแฮบมตั้งแต่นั้น

โดยรวมเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ชีวิตรักวัยเรียน ชีวิตในโรงเรียนจนกระทั่งทำงาน เรื่องราวของคนสองคนที่ตอนแรกเข้าใจผิดว่าถูกเกลียด ก่อนที่พวกเขาจะปรับความเข้าใจให้ตรงกัน และค่อย ๆ สานสัมพันธ์กลายเป็นความรักที่เป็นรักแรกและรักเดียว ซึ่งชีวิตในวัยเรียนของแฮบมก็ไม่ได้ง่ายเลยนะคะ ถูกกลั่นแกล้งมาตลอด จนกระทั่งปีสุดท้ายของการเรียนมัธยมถึงได้พบแสงสว่างเพราะอยู่ห้องเดียวกับแทซอง แล้วเรื่องนี้คือพระเอกคลั่งรักหนักมากเลยค่ะ ตั้งแต่หัดทำเค้กเพราะนายเอกชอบกิน เข้าคณะ เข้ามหาลัยเดียวกันเพราะจะได้อยู่กับนายเอก กระทั่งทำงานก็ยังจะตามมาทำงานกับนายเอก คือชีวิตนี้แทซองจะไม่ปล่อยให้แฮบมห่างตัวเลยถูกมั้ยคะ ใครที่ชอบชีรีย์วายแนวอบอุ่นหัวใจ ห้ามพลาดโดยรวมคือดีค่ะ 

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

รีวิว Space Force Ss2 ซีรีย์ตลกร้าย สเปซฟอร์ซ

Space Force ss2  จาก Netflix  ซีรีย์ตลกร้าย สเปซฟอร์ซ การกลับมาของหน่วยงานอวกาศสุดฮา ที่นำทัพนักแสดงดังมากฝีมืออย่าง สตีฟ แคเรล และ จอห์น มัลโควิช ที่กลับมารับบทสองคู่หูนายพลและนักวิทย์อัจฉริยะสุดฮา ในการรับภารกิจแข่งขันด้านการสำรวจอวกาศกับชาติคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าหน่วยงานนี้มีประโยชน์ เพื่อไม่ให้ถูกยุบทิ้ง ภายใต้งบประมาณที่ถูกจำกัดลง ซีซันสองมีทั้งหมด 7 ตอนจบ

เรื่องราวของหน่วย Space Operation ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำสงครามอวกาศในการแย่งชิงทรัพยากรและพื้นที่บนดวงจันทร์กับคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีนซึ่งกำลังตีตื้นด้านอวกาศขึ้นมาใกล้เคียงสหรัฐอเมริกา ทำให้นายพลผู้ซื่อตรงและมีความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดีอย่าง มาร์ก แนร์ด (รับบทโดย สตีฟ คาเรลล์) ได้มารับหน้าที่ในแบบไม่ได้เต็มใจแต่แรก อีกทั้งเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ครอบครัวมีปัญหาแตกแยกหลังจากภรรยาถูกตัดสินใจจำคุก (ด้วยข้อหาที่ไม่เปิดเผยยันจบเรื่อง) ส่วนลูกสาวที่รักก็กำลังอยูในช่วงวัยรุ่นและกำลังเริ่มมองหาเส้นทางของตนเอง ในขณะเดียวกันนายพลแนร์ดก็ยังมีสหายคู่หู่เป็นนักวิทยาศาสตร์เกย์สติเฟื่องอย่าง ดร. เอเดรียน มัลลอรี่ (รับบทโดย จอห์น มัลโควิช) ซึ่งทั้งสองคนต้องร่วมมือกันหาทางพาทีมอวกาศของสหรัฐเอาชนะคู่แข่งให้ได้  ในซีซันสอง จะเป็นเรื่องราวหลังจากที่เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในหน่วยอวกาศ ซึ่งนายพลแนร์ดก็ต้องหาทางวางแผนที่จะช่วงชิงอำนจและตำแหน่งกลับมา พร้อมกับทีมงานชุดเดิมที่เข้าขากันสุดๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความเพี้ยนสุดขั้วเช่นกัน

โดยรวมเรื่องแนวตลกร้าย ปนมุกตลกในแบบหน้าตาย ที่อัพเดทหลายมุกตามเทรนด์โลก หลายฉากนี่แค่เห็นตัวละครทำหน้าตาย เซ็งๆใส่กล้องก็แอบฮาแล้ว โดยเฉพาะสองตัวนำที่ได้ดาราขายฝีมืออย่าง สตีฟ คาเรลล์ และ จอห์น มัลโควิช มาร่วมแสดง ซึ่งทั้งสองคนสามารถทำได้ดีอย่างมากตั้งแต่ซีซันแรก เรียกว่าเคมีการแสดงเข้าคู่กันของทั้งสองคนคือตัวแบกซีรีย์เรื่องนี้ในซีซันแรกเอาไว้ได้เลย

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

รีวิว Rough Night หนังตลกคอมเมดี้ปาร์ตี้สละโสด Hang over เวอร์ชันผู้หญิง

Rough Night ในหนังตลกของแก๊งเพื่อนสาวปาร์ตี้สุดป่วนและรั่วจนฮาและตลกมากๆ โจแฮนสัน รับบทเป็น แจสส์ หนึ่งในสมาชิก สส. ที่หาเสียงเลือกตั้ง และกำลังจะแต่งงาน จึงนัดรวมตัวกับเพื่อนๆสมัยไฮสคูลเพื่อจัดปาร์ตี้สละโสด เราจะเห็นโจแฮนสันในบทบาทของผู้หญิงที่เนี้ยบมากๆ ก่อนจะแสดงด้านที่รั่วฮาและตลกมากๆเพราะเมา และพี้โคเคนตามคำคะยั้นคะยอของเพื่อนๆสมัยไฮสคูล

เรื่องราวสี่สาวที่เคยเรียนมาด้วยกันเมื่อ 10 ปีอย่าง เจสส์ (Scarlett Johansson) อลิซ (Jillian Bell) แบลร์ (Zoë Kravitz) และแฟรงกี้ (Ilana Glazer) แม้ปัจจุบันต่างก็แยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเองแล้ว แต่เมื่อเจสส์กำลังจะแต่งงานกันแฟนหนุ่ม ปีเตอร์ (Paul W. Downs) ผลก็คือพวกเธอจะได้กลับมาเจอกันพร้อมหน้าอีกครั้ง ด้วยการนัดหมายของอลิซ ครั้งนี้จะเป็นปาร์ตี้สละโสด สาวนัดกันไปปาร์ตี้รั่วๆ กันที่ไมอามี่ ท่องราตรีไปทั่วจากผับโน้นที ไปผับนี้ที และได้เจอกับ พิปป้า (Kate McKinnon) เพื่อนอีกคนของเจสส์จากออสเตรเลีย กลายเป็นห้าสาวที่เข้ามาพักในคฤหาสน์หรูริมทะเล พฤติกรรมรั่วๆ ของพวกเธอชักพาเรื่องยุ่งมาจนได้ เมื่อหนึ่งในห้าชักชวนชายหนุ่มเข้ามาร่วมวง แต่เกิดพลาดพลั้งทำเขาเสียชีวิต ความวายป่วงของปาร์ตี้สละโสดครั้งนี้มันจึงบังเกิดขึ้น!

นอกจากนี้จะเป็นหนังตลกคอมเมดี้ปาร์ตี้สละโสด Hang over เวอร์ชันผู้หญิง หนังยังมีจุดหักมุมด้วยการแทรกการฆาตกรรมโดยไม่ตั้งใจและการวางแผนอำพรางศพเพื่อที่เจสส์จะได้ไม่ต้องจบชีวิตของตัวเองในอาชีพ สส. และถูกถอดชื่อจากการหาเสียง หนังถ่ายทอดมุกตลกแบบคนอเมริกันได้ดี ใครที่ชอบดูหนังอเมริกาหลายๆเรื่องและเข้าใจมุกก็จะขำจนขี้แตกหน่อย ไม่มีช่วงไหนที่ไม่หยุดหลุดหัวเราะเลยในหนังเรื่องนี้ เพราะหนังตลกมากๆ

สรุปแล้วใครที่ไม่อยากพลาดหนังฮาๆ หนังเรื่องนี้เหมาะเลยสำหรับคนที่ชอบหนังตลกคอเมดี้ ไม่เน้นซีนดราม่า ไม่มีความเครียด มีแต่ความขำกับฉากตลกอย่างเดียว พลอตเรื่องไม่มีอะไรมากนอกจากเพื่อนสาวที่เจอกันและเมาอย่างเดียว

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

รีวิว ยอดสปายสายพราง (Spies in Disguise) ภาพยนตร์คอมเมดี้สายลับคอมพิวเตอร์

Spies in Disguise ยอดสปายสายพราง เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น ที่ได้ Will Smith และ Tom Holland มาให้เสียงพากย์ ซึ่งเนื้อหาก็เกี่ยวกับสายลับมือหนึ่งที่จับพลัดจับผลูไปกินยาที่นักวิทย์สุดเพี้ยนทดลองไว้ และทำให้กลายเป็นนก ในจังหวะที่วายร้ายกำลังคุกคามความสงบสุขของโลกใบนี้

เรื่องราวของ "แลนซ์ สเตอร์ลิง" สายลับในตำนานหล่อเนี้ยบชวนกรี๊ด เขาต่อสู้เพื่อปกป้องโลก ชอบลุยเดี่ยว ไม่ว่าใครก็รู้จักรเขารวมถึงศัตรูทั้งหลายก็ตาม (ฆ่าคนชั่วเพื่อปกป้องโลก) และ "วอทเตอร์ เบ็กเคตต์" จบเอ็มไอทีตั้งแต่อายุ 15 ทำงานในแล็บนวัตกรรมล้ำยุค เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างสิ่งประดิษฐ์ (ที่ไม่มีใครเขาทำ) ในความเชื่อที่ว่าไม่จำเป็นต้องทำร้ายกันในเมื่อปรับความเข้าใจกันได้ แต่ใคร ๆ ต่างคิดว่าเขาเพี้ยน เพราะความต่างของเขา กลายเป็นว่าไม่มีใครอยากยุ่งกับเขาสักคน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น ทั้งสองคนต้องหันมาช่วยกันกอบกู้อันตรายที่ส่งผลต่อองค์กรและโลกของพวกเขา

โดยรวมเราชอบฉากแอ็กชัน ที่มันมาก ๆ เด่นสุด ๆ ก็มุมกล้องบางฉากที่ทำดีอย่างกับหนังแอ็กชันเพียว ๆ ด้วยซ้ำ มุกต่าง ๆ ก็เป็นมุกสถานการณ์ที่ฮาแบบเข้าใจง่ายทั้งยังอาศัยจุดเด่นของคาแรกเตอร์มาเล่นได้อย่างดี โดยเฉพาะเรื่องธรรมชาติของนกพิราบที่เล่นได้ไม่รู้เบื่อ ช็อตซึ้ง ๆ ก็มีมาแบบพอกระแทกใจแต่ไม่ถึงคร่ำครวญ มาพอให้ชวนคิดได้อย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของวิธีต่อสู้กับความเลวร้ายด้วยความรุนแรงเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และสูตรสำเร็จที่พลาดไม่ได้อีกประการคือหนังมีตัวร้ายที่ดี ดีในที่นี้คือมีภูมิหลังการกระทำที่น่าเห็นใจมีมิติ และมีความฉลาดเก่งกาจโหดเหี้ยมจนรู้สึกได้ว่าฮีโรสามารถพ่ายแพ้ได้จริง ๆ

ส่วนความตื่นตาตื่นใจก็เว่อมากมันมากเช่นกัน ทั้งฉากตะลุยรังยากูซ่าในญี่ปุ่น หรือฉากตะลุมบอนในเม็กซิโก ฉากเพลี่ยงพล้ำในเวนิส และที่เด็ดดวงก็ต้องยกให้ฉากปิดท้ายเรื่องที่จัดหนักแบบครีเอตสุด ๆ เป็นอีกเรื่องที่แนะนำสำหรับคอการ์ตูนและคอหนังสายลับค่ะ

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ หนังการ์ตูน ได้ที่นี่

รีวิว Extraordinary You เมื่อตัวประกอบสองคนพยายามเปลี่ยนเรื่องราว

Extraordinary You เมื่ออึนดันโอรู้ความจริงว่าโชคชะตาของเธอเป็นเพียงคาร์แรคเตอร์ในการ์ตูนเรื่อง ‘ความลับ’ ซึ่งผู้เขียนเขียนให้เธอเป็นเพียงตัวประกอบที่มีหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมรักพระนางในการ์ตูน อึนดันโอจึงพยายามเปลี่ยนเรื่องราวให้ตัวเองกลายเป็นตัวเอก เพราะเธอต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเอง กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนโชคชะตาของอึนดันโอก็คือ ฮารุ ตัวประกอบเลขที่ 13 ที่ในตอนแรกไม่มีชื่อ ไม่มีบท แม้แต่ในการ์ตูนก็คนเขียนก็ไม่ได้วาดหน้าเขาอย่างชัดเจน เมื่อตัวประกอบสองคนพยายามเปลี่ยนเรื่องราวที่ผู้เขียนกำหนดไว้ ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

เรื่องราว“อึนดันโอ (รับบทโดย คิมฮเยยุน) เด็กสาววัย 18 ปี หน้าตาดี แถมมีดีกรีเป็นลูกเจ้าของบริษัทผู้ร่ำรวย แต่กลับโชคร้ายที่สุขภาพร่างกายของเธอไม่แข็งแรงนัก จากอาการป่วยด้วยโรคหัวใจอย่างร้ายแรงที่ทำให้เธอต้องป่วยออด ๆ แอด ๆ อยู่บ่อย ๆ มิหน่าซ้ำแม้ว่าภายนอกของเธอจะดูมีความเพียบพร้อมมากสักแค่ไหน แต่ดวงเรื่องความรักของดันโอก็ดันสั้นกุดจุ๊ดจู๋ เมื่อเธอต้องทนแอบรัก แบคคยอง (รับบทโดย อีแจอุค) คู่หมั้นแต่เด็กของเธอแบบข้างเดียวมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะรักเธอกลับซะด้วยซ้ำ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ที่จริงเธอและเพื่อน ๆ ทุกคนในโรงเรียนล้วนแล้วแต่เป็นเพียงตัวละครหนึ่งในโลกของหนังสือการ์ตูนตาหวานเรื่อง ‘ความลับ’ ที่ตัวประกอบทุกตัวจะมีหน้าที่ช่วยกัน ทำให้คู่พระนางตัวจริงได้ลงเอยกันแบบ Happy Ending ก็เท่านั้น!!! นั่นจึงทำให้ดันโอรู้ตัวสักทีว่าที่จริงแล้วเธอนั้นไม่ใช่นางเอกของเรื่องอย่างที่เธอเคยคิด มิหนำซ้ำในตอนสุดท้ายของเรื่อง บทของดันโอนั้นจะต้องตายด้วยโรคหัวใจกำเริบเข้าไปอีก! ปฏิบัติการแหกคอกโลกการ์ตูนเพื่อทวงคืนความเป็นเจ้าชีวิตตัวเองของดันโอจึงเริ่มต้นขึ้นทันที”

สรุปแล้วเรียกได้ว่าซีรีย์เรื่องนี้ฉลาดมากกับการตั้งคำถามต่อขนบซีรีย์รักวัยรุ่นเก่า ๆ โดยให้เงื่อนไขใหม่เข้าไปว่า ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตัวประกอบไม่อยากเป็นแค่ตัวประกอบอีกต่อไป?’ เพราะด้วยคำถามเพียงคำถามเดียวนี้ มันสามารถทำให้เกิดพล็อตและเส้นเรื่องแบบใหม่ที่น่าสนใจที่เราแทบไม่ได้เห็นในซีรีย์เกาหลีเรื่องไหนมาก่อน บวกกับการเล่าเรื่องที่แม้ว่าธีมหลักของเรื่องจะมีกลิ่นอายของหนังรอมคอมอยู่เต็มไปหมด

แต่ตัวซีรีย์นั้นกลับมีเรื่องราวที่เข้มข้น และทิ้งปมปริศนาที่น่าตื่นเต้นเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าเราคนดูเองก็ไม่สามารถคาดเดาเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ช่นกัน จึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่านี่คือซีรีย์เกาหลีที่พล็อตเรื่องน่าสนใจและการเล่าเรื่องก็น่าติดตามมากซะจนคุณไม่สามารถลุกไปไหนได้เลยล่ะ

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังมิวสิคัล เพลงดนตรี ได้ที่นี่

รีวิว AS WE SEE IT โลกใบใหญ่ในสายตาเรา (2022) การใช้ชีวิตของคนออทิสติก

AS WE SEE IT โลกใบใหญ่ในสายตาเรา ซีรีย์แนวดราม่าตลก เรื่องราวการใช้ชีวิตของคนออทิสติกที่ยากลำบากในมุมมองแสนพิเศษที่ทุกอย่างในชีวิตปกติของคนเรากลับกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์แห่งชีวิตสำหรับพวกเขา เรื่องนี้รีเมคดัดแปลงมาจากต้นฉบับซีรีย์อิสราเอล On the Spectrum ปี 2018  

เรื่องราวของแจ็ค แฮร์ริสัน และไวโอเล็ต เพื่อนร่วมห้องในวัย 20 กว่าๆ ที่เป็นออทิสติกมาอยู่ด้วยกันเพราะครอบครัวของพวกเขาต้องการฝึกให้ทั้ง 3 คนมีพัฒนาการใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยมีแมนดี้ ผู้ดูแลคอยช่วยเหลือพัฒนาการด้านต่างๆ ให้พวกเขาอย่างใกล้ชิด ขณะที่ พวกเขาดิ้นรนเพื่อหางานทำ รักษางานเอาไว้ หาเพื่อน ตกหลุมรัก และดำเนินชีวิตในโลกที่พยายามหลีกเลี่ยงพวกเขา มองพวกเขาว่าไม่ใช่คนปกติ ทั้งสามคนนี้ต้องเจอกับอุปสรรคและฉลองชัยชนะของการเดินทางใช้ชีวิตแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร

โดยรวมตัวละครหลักของเรื่องทั้งหมดจะเดินเรื่องตัดสลับกันไปมาในชีวิตประจำวัน โดยมีอพาร์ทเมนต์เป็นศูนย์กลางพักใจของทุกคน เรื่องราวในเรื่องนี้จะเรียบง่ายเป็นชีวิตจริงๆ ของคนออทิสติกที่พยายามอย่างหนักในแต่ละวันเพื่อให้สังคมยอมรับพวกเขา เป็นการมองโลกจากมุมของพวกเขาที่พวกเราคนปกติอาจจะมองเห็นว่าเรื่องเล็กน้อยในชีวิต แต่สำหรับเขาทุกอย่างที่คนปกติทำกันในชีวิตประจำวันนั่นคือเรื่องที่ยากของเขาแทบทั้งหมด อย่างแค่การพยายามทำอะไรให้ปกติ แต่กลับไม่ปกติเพราะความพยายามปกปิดว่าตัวเองเป็นออทิสติก องค์ประกอบที่ทำให้ผู้ชมอินไปกับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ ก็มาจากดนตรีประกอบที่ลงตัวเอามากๆ เรียกว่าทุกจังหวะที่ดนตรีขึ้นมานี่สะท้อนอารมณ์ของเรื่องราวขณะนั้นได้อย่างหมดจรด ซึ่งมีหลากหลายอารมณ์ สดใส ตลก เศร้า สะเทือนใจ โกรธ ครบทุกอารมณ์ และออกมาดีมากจนบางครั้งแค่ได้ยินดนตรีขึ้นมาก็กระชากอารมร์ของเราไปได้โดยไม่ต้องมีบทพูดใดๆ ทั้งสิ้นด้วย

สรุป AS WE SEE IT  เป็นซีรีย์สั้นๆ ตอนละ 30 นาทีที่สนุกแบบเรียบง่ายไปกับชีวิตของคนเป็นออทิสติกจริงๆ และเปี่ยมด้วยคุณภาพในทุกด้าน ไม่ว่ามองในมุมไหนนี่คือซีรีส์ที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตคนเป็นออทิสติกที่ดีที่เคยมีมาเลย

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังใหม่ออนไลน์ฟรี ได้ที่นี่

รีวิว It’s a Summer Film! (2022) วัยรุ่นญี่ปุ่นผู้คลั่งไคล้หนังย้อนยุค

It’s a Summer Film! หนังญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องวัยรุ่นผู้คลั่งไคล้หนังย้อนยุคที่ลุกขึ้นมาสร้างหนังเรื่องแรก หนังในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2022 กับเรื่องราวของกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่คลั่งไคล้การทำหนังที่เกิดขึ้นในหน้าร้อน จากผลงานการกำกับของ Soshi Masumoto คนที่มีผลงานยังไม่มาก แต่หนังเรื่องนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับเขา

เรื่องราวของ เท้าเปล่า (Marika Ito) วัยรุ่นมัธยมที่มีความใฝ่ฝันอยากทำหนังและคลั่งไคล้ในหนังซามูไรย้อนยุคมาก เธออยู่ในชมรมภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำหนังเพื่อเข้าฉายในงานประจำปีของโรงเรียนอยู่ แต่มันก็แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางของเธอเลย เมื่อได้เจอหน้ากลุ่มเพื่อนสนิทในรถบ้านคันนั้น ทั้ง บลูฮาวาย (Kirara Inori) สาวนักเคนโต้ และโฟมว่ายน้ำ (Yumi Kawai) สาวผู้ชอบดาราศาสตร์ที่บอกว่าชื่นชอบหนังซามูไรเหมือนๆ กัน จึงเริ่มจุดประกายไอเดียในการพัฒนาบทของหนัง ‘ซามูไรวัยละอ่อน’ ที่เขียนทิ้งไว้ให้กลายมาเป็นความจริง เท้าเปล่าคิดการใหญ่ จะสร้างหนังย้อนยุคตามแบบที่เธอชอบเพื่อมาโค่นล้มหนังรักเลี่ยนๆ นั่นซะ แล้วเธอก็เริ่มกระบวนการ หานักแสดงที่ได้รินทาโร่ (Daichi Kaneko) มารับบทนำ หาทีมงานฝ่ายเสียง ฝ่ายแสง โดยมีบลูฮาวายเป็นตากล้องถ่ายทำ รวมทั้งหาเงินทุน เมื่อได้ทุกอย่างพร้อม การถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้นโดยไม่ทันคาดคิดว่าจะเกิดบางอย่างที่ไม่คาดฝัน

โดยภาพรวมเป็นเรื่องราวของเหล่าวัยรุ่นมัธยมที่มีความคลั่งไคล้ในการดูและทำหนัง เรื่องมันจึงอยู่ในวงแคบๆ เพียงแค่ในชมรมภาพยนตร์ของโรงเรียนหนึ่งเท่านั้น ที่โรงเรียนนี้กำลังจะมีงานประจำปี ชมรมนี้จึงคิดสร้างหนังขึ้นมา เป็นหนังสไตล์รักวัยรุ่นอะไรแบบนั้น ซึ่งก็ปรากฏว่า เท้าเปล่า ตัวเอกของเรา เธอไม่ได้ชอบแนวทางนี้ สิ่งที่เธอชื่นชอบมากคือ หนังย้อนยุคแนวๆ ซามูไร

โดยสรุปหนังญี่ปุ่นที่แสดงพลังของวัยรุ่นในช่วงฤดูร้อน แพชชั่นที่พลุ่งพล่านของวัยรุ่นที่รักหนัง จนหาทางสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวของพวกเขาเอง ด้วยทุนสร้างและโปรดักชันแบบบ้านๆ ที่ชวนให้นั่งดูไปพร้อมรอยยิ้ม และปิดท้ายด้วยน้ำตาคลอๆ เป็นหนังวัยรุ่นจากญี่ปุ่นที่ผสมไซไฟเข้าไป ปิดท้ายเรื่องราวได้น่าประทับใจจริงๆ

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่