รีวิวหนัง Minions : The Rise of Gru (2022) และแล้วพวกมินเนียนส์ก็กลับมาอีกครั้ง..!

Minions : The Rise of Gru (2022)  พวกมินเนียนส์ก็กลับมาอีกครั้ง..! หลังจากที่พวกเขาโผล่ไปแจมเป็นองค์ประกอบให้หนังภาคหลัก พวกมันก็กลับมาสานต่อในหนังของตัวเองอีกครั้ง กลับมาคราวนี้ พวกเขายังคงฉายเสน่ห์อันเหลือล้นออกมาได้อีกเช่นเคย แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงความตันของไอเดียที่พามาในทิศทางนี้บ้างก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ เหล่าชาวมินเนียนส์ก็ยังสร้างความบันเทิงเริงใจได้เหมือนเคย

เรื่องราวหลังจากที่พวกมินเนี่ยนออกตามหาบรรดาวายร้ายสุดโฉดมาทุกยุคทุกสมัย ปั่นป่วนจนมาเจอกับหนูน้อย กรู เด็กหนุ่มน้อยที่วาดฝันจะกลายเป็นวายร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมด้วยบรรดาลูกสมุนตัวสีเหลืองที่เหมือนจะช่วย แต่ดันป่วนมากกว่า คราวนี้กรูได้เดินทางไปยังสถานที่เป็นเหมือนสภาของบรรดาวายร้ายที่ชื่อ Vicious 6 เพื่อต้องการเป็นวายร้ายเต็มตัว แต่ด้วยความที่เขายังเป็นเด็ก ทำให้บรรดาวายร้ายไม่ยอมรับ

แน่นอนว่าความฝันของกรูแน่วแน่เกินสิ่งใด เขาเลยตัดสินใจพิสูจน์ตัวเองด้วยการขโมยอัญมณีล้ำค่าของวายร้ายตัวแม่ เบลล์ บัทท่อม ทำให้วายร้ายทั้งหมดแห่ง Vicious 6 ออกตามล่าเขาในทันที ไม่ว่าจะเป็นวายร้ายจอมพลัง, แม่ชีสายบู๊ผู้มีกระบองสองท่อนเป็นอาวุธ หรือจะเป็นมนุษย์ที่มีแขนเป็นก้ามปู แต่กรูก็ไม่น้อยหน้า เพราะเขามีบรรดาเหล่ามินเนียนและจักรยานติดไอพ่นคู่ใจ กรูตัดสินใจใช้แผนแยกย้ายหลอกล่อ โดยให้หนึ่งในมินเนียนที่ชื่อ อ็อตโต้ เอาอัญมณีหนีแยกไปอีกทาง ส่วนเขาจะเป็นคนล่อพวกวายร้ายเอง ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามแผน และกรูกำลังจะได้ประกาศศักดาเป็นวายร้ายหน้าใหม่ที่ร้ายกาจที่สุด แต่เมื่อเจ้าอ็อตโต้เอาอัญมณีออกมาให้ มันกลับกลายเป็นก้อนหินเด็กเล่น ซึ่งเจ้าอ็อตโต้ก็ได้เล่าถึงที่มาที่ไปว่าระหว่างหลบหนี มันก็ดันหลงไปอยู่ในบ้านของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจัดงานวันเกิด แล้วบังเอิญไปเห็นเจ้าก้อนหินเด็กเล่นชิ้นนี้เข้า มันตกหลุมรักในทันที ก่อนจะตัดสินใจแลกอัญมณีกับก้อนหินเด็กเล่น สำหรับกรูแล้วนี่ก็เป็นเหมือนการเอาอนาคตของเขาไปโยนทิ้งเลยทีเดียว 

ภาคนี้ได้ผู้กำกับมาเป็นแพ็คถึง 3 คนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น "ไคล์ บัลดา" (จาก Minions ภาคที่แล้ว), "แบรด อเบลสัน" (จากหนังสั่น Yellow Light) และ "โจนาธาน เดล วัล" (จาก The Secret Life of Pets 2) ที่ไม่รู้ว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้จะหมายถึงมาช่วยกันพยุงหนังเรื่องนี้ให้สตรองขึ้นหรือไม่ แต่บอกได้เลยว่า...ผู้กำกับยิ่งเยอะก็ยิ่งทำให้หนังรู้สึกวิ่งกันไปคนละแฉกมากยิ่งขึ้นไปด้วย และยังคงมาพร้อมกับสูตรสำเร็จเดิม ๆ แบบภาคที่แล้วเกือบจะเป๊ะ คือหนังกะมาขายความบันเทิงและความน่ารักแบบไม่รู้ประสีประสาของมินเนียมส์ให้เพลิน ๆ ซึ่งแน่นอนว่าตรงจุดนั้นหนังก็สามารถตอบโจทย์ผู้ชมและสร้างสีสันความสนุกได้ดีตลอดทั้งเรื่องนี้ ความใสซื่อสไตล์มินเนียนส์ก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่ต่อไป เหล่าตัวจี๊ดดดด! อย่าง บ็อบ, เควิน, สจ๊วต ยังคงแสบสันต์เหมือนเคย เพิ่มเติมในภาคคือ อ็อตโต้ ที่เป็นสมาชิกตัวป่วนขโมยซีนประจำเรื่องนี้

สรุปแล้วหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความบันเทิงที่ชวนขำแบบทำงานได้ดี แต่หากว่ามองถึงแก่นแท้และเนื้อในของหนังเรื่องนี้นั้น กลับพบว่าหนังแทบจะไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนสักเท่าไหร่เลย เป็นการเล่าเรื่องวนอยู่ในอ่าง เนื้อหาอาจจะมีแค่เพียงหยิบมือเดียว แต่ถูกนำมาแผ่ขนาดออกไปด้วยการสร้างสีสันและมุกตลกใส ๆ ของพวกมินเนียนส์ หากมาพิจารณาในองค์ประต่าง ๆ ดูนั้น หนังยังค่อนข้างขาดความใส่ใจในเนื้อหาอยู่ในหลายจุด แต่โดยหนังก็เท่านั้นแหละ ต่อให้หนังจะจำเจและไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ใด ๆ เลย หนังชุดนี้ก็ยังขายได้เพราะความเป็นมินเนียนส์ สุดท้ายมันก็เป็นหนังที่มอบความบันเทิงให้คนดูได้ถึงใจถึงอารมณ์อยู่ดี

👉👉 ติดตามรีวิวเพิ่มเติมที่นี่ รวมข่าวบันเทิง ดารา ศิลปิน ไอดอล ต่างประเทศ

รีวิว The Baby ซีรีย์สยองขวัญดาร์คคอมเมดี้แบบฝืดๆ

The Baby ซีรีย์แนวสยองขวัญดาร์คคอมเมดี้ 8 ตอนจบของ HBO เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กทารกน้อยที่เป็นอาถรรพ์ต้องสาปทำคนตายมากมาย ไม่ว่าใครเลี้ยงเขาก็ต้องพบจุดจบ เนื้อเรื่องซีรีย์นี้อาจจะดูเหมือนแนวเด็กนรกน่ากลัวๆ แต่บอกเลยว่าผิดถนัด เพราะเรื่องนี้ทำมาในแนวดาร์คคอมเมดี้ชัดเจน

ถึงทั้งเรื่องจะมีคนตายด้วยวิธีการแปลกๆ อย่างไม่คาดคิด อย่าง หินตกใส่ตาย โดนชั้นวางของล้มทับ สะดุดล้มทับมีดคอขาด เรื่องเต็มไปด้วยคนตายแบบเลือดสาด แต่ว่ามันกลับกลายเป็นฉากที่ตั้งใจให้ดูตลกๆ มากกว่า ซึ่งจริงๆ ก็เป็นวิธีลดความรุนแรงลงเนื่องจากเรื่องใช้เด็กทารกเป็นตัวนำ แต่ปัญหาคือไอ้มุกตายเลือดสาดแบบตลกๆ นี่มันดันไม่ตลกเลยสักฉาก คือแค่พอขำฝืดๆ แล้วพอใช้มุกแบบนี้ซ้ำบ่อยๆ เลยทำให้ทั้งเรื่องแทบฝืดตามไปด้วย หาสาระจากเรื่องนี้ก็ไม่มีเพราะแค่ไปโดนตัวเด็กหรือเด็กมองก็ตาย โดยไม่ได้มีเหตุผลอะไรนัก ประมาณว่าเด็กมันจะทำให้ตายก็ตายแค่เนี๊ย 

เรื่องราวพยายามเล่าย้อนไปยังที่มาที่ไปของเด็กนรก ซึ่งก็ออกแนวดราม่าเพี้ยนๆ กับเรื่อง LGBTQ ที่พยายามยัดเข้ามาในเรื่องให้ได้ ไม่ใช่แค่จากตัวแม่ของเด็กที่เป็นต้นเหตุ แต่ยังมีตัวละครน้องสาวนางเอกที่เป็นเลสเบี้ยนแต่อยากมีลูกด้วย เรื่องพยายามใส่ปมพวกนี้เข้ามารุงรังในระหว่างที่พยายามทำให้ตัวนางเอกนาตาชาที่เป็นสาวไม่แคร์ใครเกลียดเด็กในตอนแรก ค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อเจอกับเด็กนรกนี่ เพื่อทำให้รู้สึกว่าเป็นการแก้ปมชีวิตของเธอไปในตัว แต่สุดท้ายเรื่องราวก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหน จากที่ทั้่งเรื่องพยายามวุ่นๆ หาทางแก้ที่มาคำสาป แต่สุดท้ายก็จบแบบว่างเปล่างงๆ กับคำตอบที่ได้มา เรียกว่าใครที่รอดูทั้งเรื่องเพื่อจะได้รู้ว่าคำสาปมีที่มาจากไหน แล้วจะจัดการเด็กนี่ได้ยังไง เรื่องกลับไม่ได้ทำให้ได้คำตอบนั้นมาเลย ก่อนที่จะกลับไปจบแบบที่ควรจะทำแต่ทีแรก ซึ่งบทก็เหมือนเล่นยืดยาวมีแต่น้ำมาตลอด

สรุปเลยว่าเป็นซีรีย์ที่พล็อตดูน่าสนใจในแนวสยองขวัญ แต่บทกลับเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรเลย ฉากสยองก็เน้นไปในทางตลกฝืดมากกว่าจะสยองจริงจังอะไร ไร้ความน่ากลัวสุดๆ นักแสดงก็ไร้เสน่ห์ไม่ชวนดูใดๆ จนกลายเป็นเหลือแค่ดูเด็กกับศพที่ตายแค่นั้น ซึ่งก็ไม่ช่วยทำให้เรื่องดูสนุกขึ้นมาสักเท่าไหร่ ข้ามได้ข้ามผ่านไปเลย

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ หนังการ์ตูน

รีวิวภาพยนตร์ ผ้าผีบอก (2022) ตลกฮาหัวเราะจนกรามค้างน้ำตาไหล

ผ้าผีบอก ผลงานการแสดงของหนุ่มวอร์และหนุ่มหยิ่นที่ได้มาร่วมงานกับสาวสวย BNK 48 ซึ่งผลงานภาพยนตร์เรื่อง ผ้าผีบอก เป็นผลงานการแสดงที่น่าสนใจสำหรับเหล่าแฟน ๆ ทั้งหนุ่มหยิ่นและหนุ่มวอร์ รวมถึงสาว ๆ BNK48 ด้วย เพราจะได้เห็นนักแสดงเหล่านี้ได้ก้าวข้ามออกมาจากบทบาทเดิม ๆ ที่เป็นนักแสดงซีรีส์หรือเป็นไอดอล โดยผลงานเรื่องผ้าผีบอก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผี ๆ ที่ไม่ได้น่ากลัวจนขนหัวลุกแต่เป็นการเพิ่มความสนุกด้วยความตลก 

เรื่องราวของหนุ่มที่มีความรักและชื่นชอบในการทำคอนเทนท์เป็นชีวิตจิตใจอย่างอชิ เขาคนนี้เป็นคนที่คอยคิดคอนเทนท์ต่าง ๆ เกี่ยวกับความชอบของเขาเพื่อนำไปสร้างวิดีโอในแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างยูทูป ซึ่งการที่หนุ่มอชิได้เริ่มที่จะศึกษาหาข้อมูลและตามเก็บข้อมูลต่าง ๆ ทำให้เขาได้สื่อสารกับวิญญาณผีที่ล่วงลับไปกับการตายที่ไม่มีใครระบุสาเหตุการตายของเธอคนนี้ได้ เธอคนนี้ก็คืออัญญานางหอมนวล ผีสาวที่ต้องจากโลกใบนี้ไปโดยไม่ทราบสาเหตุเลยว่าการตายของเธอมาจากอะไร จึงกลายมาเป็นปมและข้อสงสัยให้กับเธอ ด้วยโอกาสอันดีที่ได้พบกับหนุ่มอชิชายผู้ที่มาตามเก็บข้อมูลเพื่อทำคอนเทนท์ก็ได้ใช้โอกาสนี้ให้หนุ่มอชิในการตามสืบหาข้อมูลการตายของเธอ จึงกลายมาเป็นเรื่องราวสุดอลเวงและสนุกสนาน อีกทั้งยังได้ความสนุกจากสาว ๆ วง BNK อย่างสาววี สาวปูเป้ สาวน้ำหนึ่งและสาวโมบายล์ที่มาสร้างสีสันความสนุกสนาน นอกจากนี้คุณพี่หยิ่นก็มาแสดงในเรื่องนี้อีกด้วย

ภาพรวมขอบอกเลยว่าในเรื่องของบรรยากาศในเรื่องโดยรวมไม่ว่าจะเป็นแสงสีหรือที่ชอบที่สุดคือฉากที่มีความย้อนกลับไปยังยุคในอดีตก็จะได้เห็นสาว ๆ BNK48 ในความเป็นหญิงไทยใจงาม ทั้งฉากขี่หลังช้างที่มาด้วยความงามและสื่อสารความเป็นไทยได้ดีมาก ๆ ต่อมาก็เป็นฉากบ้านเรือนไทยบ้านของคุณย่าของอชิก็จะมีความเก่า ๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกอินไปกับเรื่อง ในเรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็จะเล่าถึงความเป็นอดีตสมัยโบราญ แน่นอนว่าบ้านเรือนของคนในสมัยนั้นก็สร้างสรรค์ออกมาได้ดีมาก ๆ และเก็บรายละเอียดได้อย่างดี

โดยสรุปเป็นในเรื่องของการเข้าขากันของเหล่านักแสดงทั้งหมดในเรื่อง ขอบอกเลยว่าการแสดงที่เข้าขากันเป็นการเพิ่มคะแนนความสนุกในเรื่องนี้ได้เยอะมาก ๆ เลย อย่างสาว ๆ วงBNK48 ก็จะมีความรับส่งมุขกันอย่างมืออาชีพอยู่แล้ว จึงเพิ่มสีสันความสนุกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว อีกทั้งเหล่าแฟนคลับก็ยังจะได้เห็นอีกหนึ่งความสามารถทางด้านการแสดงของพวกเธอที่ไม่ได้เป็นเพียงไอดอลเท่านั้น ในเรื่องของการแสดงก็ไม่น้อยหน้าใครเด้อ อีกหนึ่งคู่จิ้นที่น่ารักมาก ๆ คู่หนึ่งเลยก็ว่าได้อย่างหนุ่มหยิ่นและหนุ่มวอร์ บอกเลยว่าประทับใจมาก ๆ กับผลงานภาพยนตร์ในเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องแรกของทั้งสองคนเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นผลงานซีรีย์ แต่ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความท้าทายครั้งใหม่ในการมารับงานภาพยนตร์ ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกแต่แววการเป็นนักแสดงเลือดใหม่มาแรงจริง ๆ ใครที่ยังไม่ได้ดูบอกเลยว่าต้องดูให้ได้ ไม่งั้นพลาดมาก

👉👉 ติดตามรีวิวเพิ่มเติมที่นี่ รีวิวหนังมิวสิคัล เพลงดนตรี

รีวิวภาพยนตร์ Love & Gelato (2022) ความรักกับเจลาโต้

 Love & Gelato (2022) ความรักกับเจลาโต้ เป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของ Netflix ปี 2022 ของประเทศอิตาลี ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดัดเเปลงมาจาก หนังสือชื่อเดียวกันโดย Jenna Evans Welch เป็นการเขียนบทและกำกับโดย “Brandon Camp” “Love & gelato ความรักกับเจลาโต้”เป็นหนังแนว โรแมนติก คอมเมดี้ เป็นเรื่อองราวของ Lina Emerson กำลังเดินทางไปอิตาลีเพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันแรงกล้าของแม่ของเธอที่กำลังจะตาย แต่เธอสามารถยอมรับการผจญภัยหรือเธอจะกลับบ้านใน Love & Gelato

เรื่องราว “ลินา เอเมอร์สัน” เด็กสาวชาวอเมริกันอายุสิบเจ็ดปีที่มุ่งหน้าไปยังเมืองในฝันของกรุงโรม ประเทศอิตาลีเพื่อเติมเต็มความปรารถนาที่แม่ของเธอกำลังจะตายเพื่อจะได้รู้จักพ่อที่ไม่รู้จักของเธอ มีปัญหาเล็กน้อยเพียงอย่างเดียว ลีน่า (ซูซานนา สแคกส์) เป็นวัยรุ่นที่จริงจัง มีระเบียบ และแม้กระทั่งเด็กเนิร์ดตัวน้อย และโรมไม่เพียงแต่ไม่คุ้นเคย แต่สำหรับลีน่ายังวุ่นวายอยู่เล็กน้อย สิ่งที่เธอต้องการทำคือกลับบ้าน จากนั้นเธอก็ได้รับสมุดบันทึกของแม่ตั้งแต่สมัยที่เธออาศัยอยู่ที่อิตาลี ทันใดนั้น Lina ก็ค้นพบโลกมหัศจรรย์ของความรักที่เป็นความลับ ศิลปะ และร้านเบเกอรี่ที่ซ่อนอยู่

ทั้งหมดนี้บังคับให้เธอต้องรับมือกับความวิตกกังวลและความกลัวของเธอ แต่อย่างน้อยเธอก็สามารถทำเช่นนั้นได้ภายใต้แสงแดดอันโด่งดังของอิตาลี ในดินแดนเทพนิยายที่มีเจลาโต้มากมายเพื่อพาเธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากกับเพื่อนสนิทของเธอ แอดดี้ (แอนเจลิกา วอชิงตัน) ที่อยู่ข้างๆ เธอ และแม่ทูนหัวของเธอยินดีที่จะแยกเธอออกจากเปลือก ลิน่าเดินตามรอยเท้าของแม่และค้นพบความลับที่ถูกเก็บไว้นานเกินไป เรื่องราวโรแมนติกและภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ Lina ในการเลือกระหว่างชายหนุ่มสองคน ไม่มีประกายไฟที่จะโน้มน้าวคุณว่าเธอหลงรักพวกเขาทั้งสองคน มันคือรักสามเส้าพีจี

👉👉 ติตตามสนับสนุนได้ที่นี่ รีวิวหนังสารคดีและชีวประวัติ

รีวิวหนัง Ghostbusters: Afterlife โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี

Ghostbusters: Afterlife โกสต์บัสเตอร์: ปลุกพลังล่าท้าผี เป็นแนวแฟนตาซีผสมคอมมาดี้ดูแล้วคลายเครียดเบาๆดูแล้วสมองโล่ง  เรื่องราวในภาคนี้เป็นเกี่ยวกับครอบครัวของคาลลี่และลูกทั้งสองคนคือพี่ชายคนโตทรีเวอร์และน้องสาวคนเล็กฟีบี้ที่มาพร้อมกับความฉลาดเข้าขั้นถึงอัจฉริยะเลยทีเดียว ชื่นชอบวิทยาศาสตร์และการประดิษฐ์

เรื่องราวในภาคนี้เป็นเกี่ยวกับครอบครัวของคาลลี่และลูกทั้งสองคนคือพี่ชายคนโตทรีเวอร์และน้องสาวคนเล็กฟีบี้ที่มาพร้อมกับความฉลาดเข้าขั้นถึงอัจฉริยะเลยทีเดียว ชื่นชอบวิทยาศาสตร์และการประดิษฐ์วันหนึ่งครอบครัวของคาลลี่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงินจนไม่สามารถจ่ายค่าบ้านได้แล้วแต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่เมื่อพ่อของคาลลี่ได้เสียชีวิตและได้ทิ้งบ้านไว้ให้ครอบครัวของคาลลี่จึงได้เดินทางไปที่บ้านหลังนั้นแต่ภายในบ้านกลับไม่ได้สวยงามเหมือนกับคาลลี่ตั้งใจไว้กลับกันเป็นเพียงบ้านเก่าๆ โทรมๆ และเต็มไปด้วยอุปกรณ์แปลกๆ กองหนังสือ และรอบบ้านมีแต่ทุ่งหญ้าว่างเปล่า เมื่อได้เข้าอยู่ในบ้านของคุณตาแล้วฟีปี้ได้เห็นอุปกรณ์แปลกๆ ตกอยู่และมีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้นกับฟีปี้ที่อยู่ประตูเปิดเองได้ หมากรุกที่ตั้งไว้สามารถขยับและเดินเองได้จนฟีปี้ที่อยากจะพิสูจน์ว่ามันคืออะไรก็ได้หยิบอุปกรณ์นั้นและไว้มันนำทางไปจนไปเจอเข้ากับห้องลับของคุณตาที่เต็มไปเครื่องประดิษฐ์ทางฟิสิกส์และสิ่งประดิษฐ์ที่คุณตาทำไว้จนมั่นว่าสิ่งที่นำทางมายังห้องนี้ก็คือคุณตาของเขานั้นซึ่งจุดนี้เป็นพลิกเมื่อฟีปี้ได้รู้ความลับบางอย่างก็คือภารกิจปราบผีที่คุณตาได้ทำไว้แต่ยังทำไม่สำเร็จและเพื่อช่วยคุณแม่คาลลี่ที่โดนผีเข้าสิงทำให้ฟีปี้ต้องกำจัดผีอย่างโกเซอร์ให้ได้ภารกิจปราบผีจึงเริ่มต้นขึ้น

ภาพรวมเรื่องนี้ยังคงคอนเซปต์การปราบผีเหมือนเดิมแต่ที่มันเพิ่มเติมเข้ามาคือกราฟิก เสียง ความลุ้นการเข้าใจช่วยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กจะสามารถจับผีร้ายอย่างโกเซอร์ที่กำลังจะกลับมาเพื่อทวงคืนบ้านเมืองในยุคปัจจุบันคือ เนื้อเรื่องดำเนินได้ดีค่อยๆ ปูเรื่องมามีการพูดถึงเรื่องเก่าย้อนให้ดูอดีตก่อนในตอนที่คุณตาวางแผนจะจับโกเซอร์แต่ด้วยเพียงคนเดียวไม่สามารถทำให้สำเร็จได้จนทำให้สิ่งที่คาดเดาเอาไว้ว่าในปี2021โกเซอร์จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งจนเมื่อเวลาผ่านไปถึงปี2021ครอบครัวของคาลลี่ก็ได้สานต่อภารกิจปราบโกเซอร์คนที่สานต่อคือน้องฟีปี้เด็กสาวตัวเล็กที่มาพร้อมกับความฉลาดและความกล้าหาญและพร้อมจะสู้เพื่อช่วยให้โลกอยู่ได้อย่างสงบสุขและด้วยความที่รักที่คุณตาที่เสียไปแล้วจึงต้องสานต่อภารกิจนี้ให้สำเร็จ

สรุปแล้วคงต้องบอกว่าตลอดเวลา 124 นาทีของหนังผ่านไปอย่างรวดเร็วและแน่นอนว่าแฟน ๆ ของหนังต้นฉบับก็จะรักหนังฉบับนี้ไม่ต่างกัน ส่วนคอหนังรุ่นใหม่ก็ถือว่าได้รู้จักกับโลกของ ‘Ghostbuster’ ในแบบที่เป็นมิตรกับจริตการดูหนังในปัจจุบันได้อย่างดี กราฟิกเลยคือดี สมจริง น่ากลัวและลุ้นมากว่าโกเซอร์มันฟื้นขึ้นมาแล้วจะกำจัดได้หรือเปล่าผลิกไปผลิกมาตื่นเต้นดีโดยร่วมแล้วก็โอเคอยู่ดูได้เบาๆ 

👉👉 ติดตามรีวิวเพิ่มเติมที่นี่ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา

รีวิวหนัง Cha Cha Real Smooth ชีวิตรักคนธรรมดาที่ไม่เพอร์เฟค

Cha Cha Real Smooth ที่ได้ดำดิ่งเข้าสู่โลกอันเวิ้งว้างที่เต็มไปด้วยรสชาติของผู้ชายที่กำลังเติบโตคนหนึ่ง กลั่นกรองออกมาเป็นหนังรอมคอมเล็ก ๆ ที่กลายออกมาเป็นหนังรักนอกสายตาที่โรยทางเอาไว้ได้ด้วยรสชาติที่กลมกล่อมไม่เบาเลย  หนังได้เข้าชิงรางวัล Grand Jury Prize สาขา Dramatic ในเทศกาลหนังด้วยแต่ไม่ได้ แต่กลายเป็นขวัญใจผู้ชมและคว้ารางวัลนั้นไปครองแทน อีกทั้งหนังก็เพิ่งจะได้รางวัล Directors to Watch จากเทศกาลหนังปาล์ม สปริงส์ 2022 ที่ผ่านมาด้วย ที่ทำให้ชื่อของ "คูเปอร์ เรฟ" เป็นที่หน้าจับจ้อง ทั้งคนเบื้องหลังและเบื้องหน้าไปพร้อม ๆ กัน

• ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Cha Cha Real Smooth
• ประเภท: ตลก / ดราม่า
• ผู้กำกับ: คูเปอร์ เรฟ
• นำแสดงโดย: คูเปอร์ เรฟ, ดาโกต้า จอห์นสัน, วาเนสซา เบิร์กฮาร์ดท์
• ความยาว: 107 นาที

เรื่องราวของชายหนุ่มที่ชื่อ แอนดรูว์ หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็ทำงานอยู่ร้านฟาสต์ฟู้ด กับได้โอกาสมาเป็นดีเจและเอนเตอร์เทนเนอร์ในงานพิธีมิสซาบาร์บ (Bar Mitzvah) ของชาวยิว และที่นั่นทำให้เขาได้พบกับ โดมิโน คุณแม่ยังสาวที่มาพร้อมกับลูกติดของเธอ ที่มีภาวะโรคออทิสติก แม้ว่าเขาใจรู้สึกตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่ความสัมพันธ์มันไม่ได้ง่าย เพราะปมความรักของเขาที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้งเดียว

ภาพรวมนั้น Cha Cha Real Smooth เป็นหนังรอมคอมที่ถือว่าตีโจทย์และถ่ายทอดเรื่องราวมุมมองความรักได้เป็นธรรมชาติเกือบจะลึกซึ้ง หนังสะท้อนมุมความรักที่ไม่เน้นความเพ้อฝัน เป็นเหมือนบทเรียนในการดำเนินชีวิตที่ทุก ๆ คนก็เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาทั้งนั้น เป็นหนังที่มีความเรียล มีประเด็นที่จับต้องได้ และมีความไม่สมบูรณ์แบบปะปนอยู่ในเรื่องทุกอณู นั่นจึงกลายออกมาเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้

Cha Cha Real Smooth อาจจะไม่ใช่หนังรักที่สร้างความอิมแพคให้กับผู้ชมได้ดีอะไรขนาดนั้น แต่เนื้อในของหนังมีเจตนาที่ดีต่อมุมมองความรักและการขับเคลื่อนชีวิตของผู้คนทั่วไป หนังสอนให้มองเห็นประสบการณ์เป็นบทเรียน จงอย่ายึดติดและมูฟออนออกมาจากจุดเดิม เพราะชีวิตยังมีมุมมองใหม่ ๆ ที่รอให้ค้นหาอยู่เสมอ 

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง

รีวิวหนัง 200 Pounds Beauty (ฮันนะซัง สวยสั่งได้)

200 Pound Beauty เป็นภาพยนตร์เก่าที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองดู ด้วยเส้นอาจจะอ่อนไปนิด แต่ว่าดูเพลินมาก แถมให้แง่คิดในเรื่องการทำศัลยกรรมด้วย เรื่องราวของ ฮันน่า สาวน้อยร้อยโลเงาเสียงของศิลปินดัง ด้วยรูปร่างของเธอจึงทำให้ถูกแกล้งให้อับอาย ฮันน่าทนไม่ไหวจึงคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ดั๊นมีโทรศัพท์จากหมอศัลยกรรมโทรผิดเข้ามา ซึ่งจังหวะนี้แหละค่ะที่ได้ทำให้เธอได้ก้าวเข้าสู่วงการศัลย์อย่างเต็มตัว 

เรื่องราวเริ่มต้นจาก “ฮันนาห์” นางเอกของเรื่อง เธอเป็นผู้หญิงที่อ้วนเอามาก ๆ คือไม่ใช่แค่อ้วน แต่อ้วนโคตร ๆ หน้าตาก็ไม่สวยแถมบ้านยังไม่รวยอีกต่างหาก แต่ทว่าเธอกลับมีน้ำเสียงที่ไพเราะ มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์มาก อาชีพหลักของเธอคือการเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้คนทางโทรศัพท์และอีกหนึ่งอาชีพที่เธอรักมากนั่นก็คือการร้องเพลง แต่เพราะหน้าตาและรูปร่างที่ดูไม่ได้ทำให้ฮันนาห์เป็นได้เพียงแค่นักร้องหลังเวทีเท่านั้น คือเวลาที่มีการแสดงคอนเสิร์ตเธอจะเป็นคนร้องเพลงนั้นอยู่ด้านข้างเวทีเแล้วให้นักร้องอีกคนที่เสียงไม่เอาไหนแต่หน้าตาดี รูปร่างเซ็กซี่คอยลิปซิงค์เสมือนว่าตัวเองเป็นคนร้อง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นความลับ ทุกคนชอบเสียงของเธอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นคนร้อง

จุดเปลี่ยนของฮันนาห์เกิดขึ้นเมื่อเธอถูกทีมงานในค่ายเพลงแสดงท่าทีเหมือนเธอเป็นตัวตลกและแสร้งทำดีเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเสียงของเธอเท่านั้น มันคงไม่เจ็บปวดมากหากหนึ่งในนั้นไม่ใช่ “ซานจุง” พระเอกของเรื่องที่เธอแอบชอบมานานแสนนาน ฮันนาห์จึงตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยการเข้ารับการศัลยกรรมทั้งตัว ทั้งดูดไขมันลดความอ้วน เปลี่ยนตา ปรับจมูก แต่งปาก ทำทุกอย่างที่ทำได้ คือทันทีที่เปิดหน้าเดินออกคลินิกมาเหมือนกับเป็นคนละคนไปเลยครับ เรียกว่าตายแล้วเกิดใหม่น่าจะเห็นภาพชัดเจนกว่า และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครจำเธอได้ ฮันนาห์จึงกลับมาสมัครเป็นนักร้องที่ค่ายเพลงเดิมกับซานจุงอีกครั้งโดยใช้ชื่อใหม่ว่า “เจนนี่”  หลังจากนั้นเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป อยากให้เพื่อนๆ ไปหารับชมกันต่อเอง

เสน่ห์อีกอย่างของหนังเรื่องนี้นอกจากนักแสดงจะน่ารัก มีมุขตลกเล็ก ๆ ให้เรายิ้มตามได้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว คงเป็นเพลงประกอบที่ผมชอบเอามาก ๆ อย่างเพลง Byul และ Avia Maria ที่ถูกขับร้องด้วย Kim Ah Joong  นางเอกของเรานั่นเองครับ คือเพลงโคตรเพราะเลย เอาเป็นว่าหากใครดูหนังจบอย่างน้อยต้องร้องท่อน “Maria ave Maria…” ได้สักท่อนแหละครับ เพื่อน ๆ คนไหนชอบหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้แล้วไม่เคยดูเรื่องนี้ต้องไปหาดูกันให้ได้นะ

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ รีวิวหนังมิวสิคัล เพลงดนตรี

รีวิวหนังอนิเมะ Bofuri น้องโล่สายแทงก์แกร่งเกินร้อย

Bofuri น้องโล่สายแทงค์แกร่งเกินร้อย อนิเมะแนวต่างโลกที่มีเนื้อเกี่ยวกับเกม และสนุกไม่แพ้แนวต่างโลกเรื่องอื่นๆ เลย เดิมทีในตอนแรกผู้เขียนก็เคยเลื่อนผ่านอนิเมะเพราะคิดว่าไม่น่าจะสนุกอะไร แต่พอได้ลองดูไปหนึ่งตอนก็หยุดดูไม่ได้ ดูไปเรื่อยๆ จนจบซีซันเลย สนุกและมีฉากฮาเยอะมาก ๆ แต่สังเกตว่าไม่ค่อยถูกกล่าวถึงอย่างเป็นวงกว้างสักเท่าไร

เรื่องราวเริ่มเริ่องที่คู่หูเพื่อนสาวสุดน่ารักอย่างคาเอเดะและริสะ สายน้อยน่ารักวัยเรียน ตัวริสะนั้นชื่นชอบการเล่นเกมเอามากๆ และเธอก็อยากเล่มเกม นิวเวิลด์ออนไลน์ ที่เป็นเกมโลกเสมือนจริง VRMMORPG กับเพื่อนสาวของเธอ เกมโลกเสมือนจริงคืออะไร...?คิดว่าคนที่เคยดูอนิเมะซอร์ตอาร์ตออนไลน์มาแล้วน่าจะรู้ แต่สำหรับใครที่ยังรู้เราจะอธิบายง่ายๆ คือเกมที่ต้องสวมอุปกรณ์เข้าที่หัว คล้ายหมวกกันน็อก และสวมถุงมือ และเมื่อเดินเครื่องก็จะพาผู้เล่นเข้าไปในเกม ซึ่งจะเหมือนผู้เล่นมีชีวิตอยู่ในเกมๆ นั้นเลย

ริสะส่งเกมไปให้คาเอเดะลองเล่นดูก่อน แต่เธอนั้นยังไม่สามารถเข้าไปเล่นด้วยได้อย่างทันที เพราะผลการสอบคะแนนตกไป ริสะจึงถูกแม่ของเธอทำโทษให้หยุดเล่นเกมก่อน คาเอเดะเลยต้องไปลุยเกมคนเดียว ในครั้งแรกที่เธอเข้าไปเธอก็เลือกใช้ชื่อในเกมว่า "เมเปิ้ล" และเลือกอาวุธเป็นโล่ เพราะว่าเธอกลัวดาเมจจะสร้างความเจ็บปวดให้ร่างกาย ดูแล้วก็เหมือนเด็กสาวอยากเล่นเกม RPG แต่กลัวตามปกติใช่ไหมละ แต่มันไม่ปกติตรงที่เมเปิ้ลนั้นเล่นเกมแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านชาวช่องกว่าผู้เล่นคนอื่น ทั้งลงดันเจี้ยนคนเดียว การกัดกินมังกรและมอนเตอร์อื่นๆ ที่เธอปราบได้ การกินมอนเตอร์เข้าไปทำให้เธอได้รับสกิลแปลกๆ ซึ่งแต่ละสกินก็เจ๋งมากๆ อีก หนำซ้ำเธอยังเทค่าสเตตัสตัวละครเกมทั้งหมดไปที่ป้องกันจนหมด โอ๊ยค่าป้องกันสูงขนาดนี้ใครจะไปโจมตีเธอได้กันล่ะ แต่เพราะว่าตั้งค่าทั้งหมดไปให้ที่การป้องกัน ก็เลยทำให้เธอนั้นเคลื่อนไหวช้าเกินไป ดังนั้นริสะที่เข้ามาเล่นโดยใช้นามแฝงว่า "ซ่ารีหรือแซลลี่" จึงเป็นคู่หูที่เน้นการโจมตีแทนเมเปิ้ลนั่นเอง

ภาพรวมเป็นอนิเมะที่ไม่ได้เครียด เน้นตลกและเบาสมอง  แม้จะไม่มีบทบู้หรือฉากแคชันมันส์ทะลุจอแต่ก็สร้างความสนุกแลเสียงหัวเราะได้ดีไม่แพ้กัน ความโดดเด่นของอนิเมะเรื่องนี้คือการชูโรงเรื่องของความแข็งแกร่งของโล่ ในอนิเมะแนวเข้าไปอยู่ในเกมนั้น จะมีน้อยมากๆ ที่ตัวเองเจ๋งๆ จะเลือกโล่เป็นอาวุธ จะว่าไปที่เห็นอนิเมะที่นำความเจ๋งและความเท่ของโล่ออกมาสู่สายตาผู้คนก็มีแค่เรื่องผู้กล้าโล่ผงาด และน้องโล่สายแทงก์แกร่งเกินร้อยนี่แหละค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของความฮา เป็นอนิเมะที่ดูได้ทุกวัยเพราะเนื้อหาไม่ได้รุนแรงเลย มีทั้งความน่ารัก และตลกขบขัน แค่วิธีการเล่นเกมที่สุดจะพิศดารของเมเปิ้ลนี้ก็ค่อนข้างฮาแล้ว และอนิเมะยังเต็มไปด้วยเรื่องของมิตรภาพและความโอบอ้อมอารี

ความโดดเด่นของเกมยังไม่ได้มีแค่นั้น ยังมีเรื่องของการสรรค์สร้างสกิลแปลกๆ ในเรื่อง รวมถึงชื่อสกิลที่โดดเด่นเตะตา แต่ละตัวละครมีสกิลพิเศษเฉพาะตัว ถือเป็นความหลากหลายของตัวละคร แล้วก็อนิเมะเรื่องนี้นั้นถ้ามองในมุมมองอนิเมะปกติก็จะเห็นว่า "ไม่มีพระเอก" มีแค่ตัวเอกชาย หญิง ดำเนินเรื่องต่อๆ กันไป แต่ถ้ามองเป็นอนิเมะแนวยูริเราจะเห็นได้ว่าริสะและคาเอเดะนั้นมีความสัมพันธ์ที่น่ารัก และสนิทสนมกันเป็นพิเศษจนสามารถเป็นพระนางแนวยูริได้เลย แต่สุดท้ายแล้วก็แล้วแต่คนดูจะไปจับจิ้นด้วยแหละนะ สรุปคือมันเป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่มีเนื้อหาสนุก ถึงแม้บทแอคชันจะไม่ได้เยอะมาก และภาพก็สวยในระดับมาตรฐานตามที่ควรจะเป็น

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ รีวิวหนังสารคดีและชีวประวัติ

รีวิวภาพยนตร์ Squared Love (2021) ความรักกำลังสอง

Squared Love (2021) ความรักกำลังสอง  เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ ซึ่งมีองค์ประกอบครบทั้งพระเอกนางเอกหน้าตาดี ฐานะดี และเรื่องราววุ่น ๆ ที่มาแทรกกลางความรักของเขา กับอุปสรรคที่อาจทำให้พวกเขาไม่ได้ลงเอยกันที่ทำให้เราลุ้นตาม แต่เรื่องราวก็คลี่คลายด้วยความช่วยเหลือของคนรอบตัวทั้งคู่ ที่คอยผลักดันและสนับสนุนให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน

เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นควันหลงวาเลนไทน์โดยเรื่องราว เอนโซ วิศวกรหนุ่มผู้ร่ำรวยและเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กำลังมีปัญหาทะเลาะกับอลิเซีย แฟนสาวของเขา เพราะเขานั้นเจ้าชู้มากเกินไป ในเวลาเดียวกัน เอนโซก็ได้ทำโปรเจกต์ถ่ายวิดีโอโปรโมตรถร่วมกับนางแบบสาวสุดสวย นามว่าคลาวเดียและบริษัทพีอาร์ก็ชอบมันมากจนอยากให้ทั้งสองคนร่วมงานกันอีก เรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นเมื่อภรรยาของพี่ชายเอนโซทิ้งครอบครัวไปเดินทางรอบโลก ทำให้อาเนีย ลูกสาวของพวกเขาต้องอยู่กับพ่อเพียงลำพัง เอนโซจึงอาสาช่วยเลี้ยงอาเนีย และเขาก็ได้พบกับโมนิกา ครูสาวขี้อายของอาเนีย เอนโซจึงเริ่มพัฒนาความรู้สึกดีกับโมนิกาและคลาวเดีย โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเธอเป็นคนคนเดียวกันหนัง ภาพยนตร์ Squared Love ดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างฉับไว เราจะได้กระโดดไปกระโดดมาระหว่างชีวิตเพลย์บอยของเอนโซ กับชีวิตที่มีสองตัวตนของคลาวเดียและโมนิกา ซึ่งเธอต้องปิดบังเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่โรงเรียนตลอดเวลาถึงอาชีพนางแบบของเธอและในขณะเดียวกัน ชีวิตของคนรอบตัวทั้งสองก็มีความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นพ่อของโมนิกาที่ไปกู้เงินนอกระบบมา อาเนียที่คิดถึงแม่จนพ่อของเธอต้องใช้อุบายหลอกว่าแม่ส่งรูปถ่ายท่องเที่ยวมาให้ หรือเพื่อนร่วมงานของโมนิกาที่พยายามเลิกบุหรี่แต่ไม่สำเร็จ ถือเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ดูได้ง่าย ๆ และเพลิน ๆ เพียงแค่ตามตัวละครไปเรื่อย ๆ

ภาพรวมเป็นเหมือนหนังรักตามแบบฉบับทั่วไป แต่ความแปลกใหม่ก็คือจังหวะการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนกับหนังฮอลลีวูดหรือหนังสัญชาติอังกฤษ ฉากและตัวละครทั้งหมดมีเซตติงอยู่ในเมืองวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งก็ได้ทำให้เราเห็นถึงความสวยงามของหนึ่งในประเทศแถบยุโรปแห่งนี้ และทำให้เราได้เห็นถึงค่านิยมเกี่ยวกับความเป็นหญิงหรือชายในโปแลนด์ด้วย

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ ข่าววงการบันเทิง แวดวงคนดัง

รีวิว รวมพลังกลับเอาท์แบ็ค Back to the Outback (2021)

Back to the Outback (2021) หรือ รวมพลังกลับเอาท์แบ็ค อนิเมชั่นสุดฮากระแสดี เป็นภาพยนตร์ตลกที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนซี้สัตว์ป่ามีพิษ อย่างงูไทปัน แมงป่องมรณะ กิ้งก่าหนาม และแมงมุมพิษร้ายจากออสเตรเลีย ที่ร่วมมือกันหนีจากสวนสัตว์ในซิดนีย์ เพื่อออกไปตามหาถิ่นฐานเดิม เอาท์แบ็ค แต่ไม่ได้มีแค่สัตว์สี่ตัวเท่านั้นยังพ่วงสัตว์ป่าแสนน่ารักอย่างหมีโคอาล่าเข้าไปด้วย

เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงในสวนสัตว์กลางเมืองซิดนีย์ (Australian Wildlife Park) ตั้งแต่ยังเป็นเด็กแบเบาะ ประกอบไปด้วย "แมดดี้" งูพิษไทปัน , "แฟรงก์" แมงมุมพิษร้ายแรง, "โซอี้" กิ้งก่าหนาม , และ "ไนเจล" แมงป่องมรณะ ทั้งสี่เป็นสัตว์ป่ามีพิษร้ายแรงของออสเตรเลีย มีถิ่นฐานเดิมอยู่ใน "เอาท์แบ็ค" ดินแดนทะเลทรายและแห้งแล้งใจกลางประเทศ รูปลักษณ์ภายนอกของพวกมันดูน่าเกลียดน่ากลัว บวกกับเป็นสัตว์ที่มีพิษ ทำให้ผู้คนหวาดผวา และเรียกพวกมันว่า "สัตว์ร้าย" ต่างกับ "พริตตี้บอย" หมีโคอาล่าสัตว์ประจำชาติออสเตรเลียอีกชนิดหนึ่ง ที่มีรูปร่างน่ารัก ขนปุกปุยนุ่ม ทำให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และได้รับความเอ็นดูจากนักท่องเที่ยวมากมาย สัตว์ร้ายทั้งหลายต่างรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ อยากหนีออกจากสวนสัตว์ ไปตามหาดินแดนเอาท์แบ็คเพื่อตามหาครอบครัว

และสัตว์ประเภทเดียวกันที่อาศัยอยู่ที่นั้น ทั้งสี่จึงรวมตัวกันหนีออกจากสวนสัตว์ แต่บังเอิญก่อนจะหนีออกไปได้ โคอาล่าพริตตี้บอยพยายามขัดขวาง สุดท้ายเลยจับพลัดจับผลูหนีออกมาด้วยกัน ทั้ง 5 จึงร่วมกันผจญภัยไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อเดินทางไปยังเอาท์แบ็ค และต้องหลบหนีการจับกุมของแชซ เจ้าหน้าที่สุดเฮี้ยบจากสวนสัตว์ สุดท้ายแล้วกลุ่มเพื่อนซี้และหมีโคอาล่าจะสามารถไปถึงเอาท์แบ็คได้หรือไม่ เชิญไปรับชมกันต่อทาง Netflix มีพากย์ไทยด้วยนะคะ 

Back to the Outback มีตัวละครเยอะมากแค่กลุ่มเพื่อนสัตว์ก็ปาไป 5 คนแย้ว แต่ละตัวก็ได้นักแสดงฝีมือคุณภาพที่ส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลียมาพากย์เสียงให้ บวกกับบทสุดปังที่ออกแบบให้ตัวละครแต่ละตัวมีความน่ารัก เป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ทำให้ดูสนุก หัวเราะ ยิ้มตามแบบจัดเต็มกันไปเลยค่ะ  นักแสดงออสเตรเลียคับคั่ง ฝีมือคุณภาพ พากย์เสียงสนุก

โดยรวมเป็นหนังอนิเมชั่น ที่ดูแล้วฮากระจาย ชอบที่เป็นหนังสบาย ๆ เบา ๆ ไม่เครียด หัวเราะได้ทั้งเรื่อง สอดแทรกความรู้ด้วยมุขตลก เช่นค้างคาวกินเลือดเฉพาะสัตว์เลือดอุ่น หรือ ด้วงมูลกินขี้วัว หนังเล่าออกมาได้สนุก และจะเป็นความรู้ที่เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ดูแล้วก็จะจำไม่ลืม ความน่ารักของตัวการ์ตูนก็เรียกเสียงฮาเช่นกัน อย่างตัวแมงมุมที่ชอบเต้นเวลาเจอสาว หรืออย่าง พริตตี้บอยที่สนใจแต่ตัวเอง บอกว่าตัวเองเป็นราศรีมังกรเลยไม่เหมือนคนอื่น หรืออย่างไนเจลที่แสนไร้เดียงสาที่ไม่รู้จักว่าดาวคืออะไร ซีนแอ็คชั่นก็ขำอย่างบันไดงู พายเรือ น้ำจากชักโครก รถดับเพลิง มอเตอร์ไซต์ เรียกว่าความฮาแบบจัดมาเน้น ๆ  หนังยังให้ข้อคิดดี ๆ มากมาย เช่นความงามที่แท้จริงอยู่ข้างในไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก, ครอบครัวคือสิ่งสำคัญ, ความสามัคคีทำให้บรรลุเป้าหมาย, น้ำใจหาได้ไม่ยาก  เรียกว่าเป็นอนิเมชั่นน้ำดีแห่งปีจริง ๆ ลองไปรับชมกันดู รับรองหัวเราะเอิ๊กอ๊าก อมยิ้ม อบอุ่นหัวใจทั้งเรื่อง

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา