Friday, April 30, 2021

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Pieces of a Woman

เรื่องย่อ มาร์ธา (วาเนสซา เคอร์บี) มุ่งมั่นจะคลอดลูกของเธอที่บ้านโดย ฌอน (ไชอา ลาเบิฟ) สามีของเธอก็ไม่ติดขัดอะไร แต่ทว่าหลังความพยายามทำคลอดที่บ้านล้มเหลวทิ้งไว้เพียงบาดแผลที่ลูกของเธอต้องตายคาอก แต่นอกจากโศกนาฏกรรมเรื่องลูกแล้วมาร์ธายังต้องกลับไปเผชิญหน้ากับทั้งคดีฟ้องร้องที่ทั้งฌอนและเอลิซาเบธ (เอลเลน เบิร์นสตีน) แม่ของเธอต้องการให้จัดการฟ้องร้อง เอวา (มอลลี พาร์คเกอร์) นางผดุงครรภ์ที่ทำให้ลูกของเธอต้องตาย แถมยังต้องรับมือกับอาการจิตหลุดของฌอนหลังสูญเสียลูก แต่เหนืออื่นใดคือเธอต้องต่อสู่กับปมความสูญเสียที่กำลังกัดกร่อนบ่อนเซาะสภาพจิตใจของเธออยู่ทุกวัน
ก่อนอื่นต้องบอกว่างานกำกับชิ้นนี้ของ กอร์เนล มุนดรักโซ ผู้กำกับมือรางวัลจาก White God ดูมีความคล้ายคลึงกับ Marriage Story ของ โนอาห์ บอมแบค เมื่อปี 2019 ในแง่ของการหยิบจับความแหลกสลายของครอบครัวมาเล่าเป็นแกนกลางของเรื่องแต่ทว่า Pieces of a Woman กลับเลือกปมปัญหาที่รุนแรงและแหลกสลายทางจิตใจมากกว่าด้วยการหยิบจับการสูญเสียลูกมาเป็นแกนกลางของปมปัญหาที่ทำให้ตัวละครต้องข้ามผ่าน ซึ่งด้วยปมปัญหาดังกล่าวมันเลยทำให้ฉากเปิดเรื่องที่ประกอบด้วยซีเควนซ์เปิดตัวที่ดูเข้มข้นมาก ๆ ได้แก่ซีนเปิดตัวฌอนที่พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้สะพานข้ามแม่น้ำเสร็จทันลูกสาวที่อยู่ในท้องภรรยา ซีนซื้อรถที่แม่อย่างเอลิซาเบธออกเงินและแสดงท่าทีรังเกียจผู้ชายมีตำหนิอย่างฌอน และแน่นอนซีนที่กินเวลายาวนานที่สุดและถือเป็นซีนที่ “เล่นกับหัวใจคนดูที่สุด” นั่นคือซีนคลอดอันล้มเหลว
โดยซีนคลอดนี้ทำให้เห็นว่า กอร์เนล มุนดรักโซ ได้ดีไซน์การถ่ายทำแบบลองเทคให้มันออกมาน่าตื่นเต้นทั้งการเคลื่อนกล้องการวางบล๋็อกกิงที่ชวนให้คนดูลุ้นระทึกกับการให้กำเนิดบุตรของมาร์ธา ซึ่งต้องยอมรับในการแสดงของทั้งวาเนสซา เคอร์บี ไชอา ลาเบิฟ และมอลลี พาร์คเกอร์ ที่ทำเอาคนดูเกือบลืมหายใจ จนน่าจะยกให้เป็นซีนหนังที่ชวนลุ้นที่สุดซีนหนึ่งของปีได้เลยทีเดียวแต่กระนั้นการที่มันเปิดตัวได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจก็ยังหมายถึงการต้องคงความเข้มข้นน่าติดตามให้ไม่แพ้บรรดาซีนเปิดเรื่อง

Sunday, April 25, 2021

รีวิวภาพยนตร์รักสุดจิ๊ด เรื่อง 365 DNI

ว่าด้วยความร้อนแรงในเรต 18+ เรื่อง365 DNI ผลงานของนักเขียน "บลังกา ลิพินสกา" มัสซิโมงเขาเป็นมาเฟีย วันหนึ่งเขากำลังเจรจากันเรื่องธุรกิจบนดาดฟ้ามัสซิโมได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ลอร่า’ เขาเห็นเธอและตกหลุมรักขึ้นมาแบบทันที แต่แล้วระหว่างนั้นพ่อของเขาก็โดนลอบยิง หลังจากวันนั้น 5 ปีต่อมาชีวิตของเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เขาต้องขึ้นเป็นหัวหน้าและผู้นำแทนพ่อของเขา เขาได้เปลี่ยนแปลงบุคลิกของตนเองกลายเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเก่า และตั้งแต่วันที่เขาบังเอิญเจอกับลอร่า หญิงสาวในฝันที่เขาฝังก็ไม่มีวันลืมได้เลยและมัสซิโมมุ่งมั่นบอกกับตัวเองว่าสักวันจะต้องตามหาเธอให้เจอและทำให้เธอรักเขาให้ได้
จากนั้นลอร่าก็ตื่นมาพร้อมกับความงงงวยว่าเธอมาอยู่ที่ไหน แต่แล้วมัสซิโมก็เข้ามาหาเธอ แนะนำตัวของเขาและบอกถึงเหตุผลถึงการลักพาตัวครั้งนี้ว่าเมื่อหลายปีก่อนเขาได้เจอกับลอร่าโดยบังเอิญและตกหลุมรักเธอ แต่เธอไม่รู้ตัวหรอกมัสซิโม่บอกลอร่าว่าจากวันนี้เขาจะทำให้ลอร่าตกหลุมรักเขาให้ได้ภายในเวลา ‘365 วัน’ หากในวันเกิดปีหน้าลอร่าไม่รู้สึกรักเขา เขาก็จะปล่อยตัวเธอออกไป แต่แล้วหลังจากนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น มัสซิโมทำอะไรต่างๆนาๆเพื่อมัดใจลอร่า เช่น การพาเธอไปช้อปปิ้งแบบจัดเต็ม สั่งเชฟให้ทำอาหารที่เธออยากทาน เธอไปเที่ยวในที่ต่างๆหรือแม้กระทั่งพาเธอไปออกงานสำคัญ และลอร่าก็สนุกกับการปั่นหัวของมัสซิโม เธอคอยยั่วเขาอยู่ตลอดและทำให้เขาหึง วันหนึ่งมัสซิโมได้พาเธอไปงานในผับแห่งหนึ่งและเธอก็อยากจะยั่วโมโหมัสซิโมโดยการแต่งตัวโป๊และไปคุยกับผู้ชายคนอื่น มัสซิเห็นเลยโมโมโหมากและได้ยิงไปที่มือของผู้ชายที่พยายามข่มขืนลอร่า หลังจากนั้นผู้ช่วยของมัสซิโม่ก็มาบอกว่าคนที่เขายิงนั้นเป็นลูกคนใหญ่คนโตของอีกตระกูลหนึ่ง และแนะนำให้เขาทิ้งลอร่าซะเพราะเธอมีแต่นำพาปัญหามาให้ ลอร่าเผลอมาได้ยินเลยโมโหมากและได้เดินหนีเขาไป จากนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นลอร่าผลัดตกลงไปในแม่น้ำใหญ่ มัสซิโมรีบกระโดดลงไปช่วยชีวิตของเธอทันที จากนั้นลอร่าฟื้นและตระหนักขึ้นมาได้ว่ามัสซิโมช่วยชีวิตเธอและดีกับเธอมากๆ นับตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้นมัสซิโม่ก็สามารถทำให้ลอร่าหลงรักขึ้นมาความสัมพันธ์และความรู้สึกดีๆของทั้งสองก็เริ่มก่อตัวเกิดขึ้น
สำหรับการเดินเรื่องนั้นค่อนข้างเป็นพล็อตปกติ ไม่ได้ซับซ้อน เราสามารถเดาตอนต่อไป ๆ ได้ซึ่งmain หลักของเรื่องนี้จะขายความมาเฟียและตัวเขาต้องจำใจเป็น ‘มาเฟีย’ เพียงเพราะว่าเขาต้องรับช่วงต่อจากพ่อของเขา และเขาได้แอบหลงรักหญิงสาวคนหนึ่งและทำทุกวิถีทางที่จะเอาชนะใจของเธอ และขายความแซ่บทรวงของตัวพระเอกที่ดุเดือด เผ็ดร้อนในการบรรเลงรัก แต่ความสนุกและจุดเด่นของเรื่องเลยก็คือ ฉากเลิฟซีนบรรเลงรักนั้นดุเดือดและร้อนแรงทุกฉาก! เป็นฉากแนวอีโรติกที่มีความสมจริงสุด ๆ การวางมุมกล้องเอยการใส่เสียงเพลงประกอบเอย หากเพื่อน ๆ คนไหนเคยได้ดูเรื่องแนวนี้อย่าง fifty shades of grey เรื่องนี้จะมีความสมจริงกว่าและดิบกว่าเยอะมาก มีการ production เลือกพระเอก นางเอกมาดีมากหน้าตาของทั้งสองมีความ sex appeal สูงทำให้เวลาสื่ออารมณ์ทางสายตาอละสีหน้าทำให้คนดูแบบเรานั้นอินไปด้วย ดูเคมีเข้ากันสุด ๆ สรุปโดยรวม ‘365 DNI’ เป็นหนังรักที่มีความอีโรติกในตัวค่อนข้างสูง 18+ ที่มีฉาก makes love กันได้อย่างดีเยี่ยม มีความสมจริงที่สุด เน้นขายความแซ่บของพระนางอย่างสุดฤทธิ์ เป็นหนังอีกเรื่องที่มีพล็อตจำเลยรักที่เรียกว่าดูเพลินจริงๆค่ะ

Friday, April 23, 2021

รีวิวซีรีย์สุดจี้ เรื่อง Just Say Yes

โดยซีรีย์เรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรเพราะเนื้อเรื่องก็จะเป็นแบบที่เราเคยดูกันมาก่อนอยู่แล้ว แต่ในซีรีย์เรื่องนี้ต้องยอมรับมุกของเรื่องจริงๆว่าเล่นได้ดี เอาฮาจริงๆ สามารถดูได้เพลินๆไม่เห็นอารมณืเสียหรือเครียกับสถานะการ์ปัจจุบันได้อยู่นะ หรือก็อยู่บ้านหยุดเชื้อหรือไม่ออกไปหาเชื้อ หาซีรีย์ดูเพลินซีรีย์เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องดูเรื่องเริ่มขึ้นด้วยฉาก “ล็อตเต้” นางเอกของเรื่องนั่งร้องไห้อยู่ในสวนสาธารณะกับชุดเจ้าสาวสุดโทรม แล้วไอ้หนุ่มที่อยู่ม้านั่งเดียวกันรำคาญ ก็เลยหันมาถามว่าเธอเป็นอะไรถึงมาลงเอยในชุดแบบนี้ นางเอกก็เลยเล่าย้อนเรื่องราวยาวเหยียดให้ฟังถึง ความหวังที่จะได้แต่งงานแบบหญิงสาวทั่วไป แต่กลับต้องเจอคู่หมั้นสุดชั่วบอกเลิก แถมน้องสาวตัวดีที่มีชีวิตปลอมๆ บน IG กำลังจะแต่งงานกับเจ้านายของเธอ แม้เธอจะมีชายหนุ่มคนใหม่มาสนใจ แต่กลับต้องพลาดโอกาสนั้นไปอีกจนได้
ฟังดูเรื่องราวก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ซึ่งก็จริงตามนั้นเลยครับ แต่ที่เรื่องนี้ดูเก๋คือ เทคนิคการเล่าเรื่องของนางเอกที่ย้อนไปทีละช่วงตั้งแต่จุดกำเนิดเรื่อง ก่อนตัดกลับมาฟังฟีดแบ็คจากไอ้หนุ่มนิรนามที่นั่งฟังเธอเล่าแบบสะอึกสะอื้น แทนที่จะเห็นใจไปกับเรื่องราว แต่กลับหัวเราะก๊ากเมื่อเรื่องที่เธอเล่าในอีกมุมมันกลายเป็นเรื่องตลกของคนส่วนใหญ่ เพราะวีรกรรมที่เธอเจอมานั้นมันดันถูกถ่ายไว้แล้วเอาลงยูทูป อย่างตอนถูกบอกเลิกออกอากาศสดทางทีวี (นางเอกเป็นคนจัดรายการโชว์) หรือกรณีทำอะไรเปิ่นๆ ผิดคิวกับชีวิต แต่กลับถูกอกถูกใจในสายตาของผู้บริหาร แล้วก็เอาฉากนั้นไปลงยูทูปให้คนขำขันกัน แต่ตัวเธอไม่ขำด้วยเท่านั้น ส่วนคนดูเองก็ขำก๊ากแน่นอนกับมุกตลกของเรื่องนี้
เนื้อเรื่อง 80% จะอยู่ในรูปการเล่าเรื่องย้อนอดีต โดยมีเรื่องความรักระทมของเธอเป็นหลัก มีช่วงความรักใหม่กับพระเอก “คริส” ที่ทำงานเดียวกันและค่อยๆ ช่วยเยียวยานางเอกแทรกมาเบาๆ แถมเปลี่ยนนางเอกจากลุคเชยๆ มาเป็นสาวสุดเฟี้ยว ก่อนที่คู่หมั้นเก่าเริ่มหึงและพยายามดึงเธอกลับมาแต่งงานอีกครั้ง แต่ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เน้นไปที่ความรักตรงนี้มาก ตัวหนังเน้นเรื่องราวความรักของพี่น้องมากกว่า ซึ่งน้องสาวของเธอ “เอสเตลล่า” คือตัวเปรียบเทียบชีวิตดีๆ ที่ตรงข้ามกับพี่สาวของเธอหมด จนทำให้ลึกๆ แล้วนางเอกเองก็รู้สึกว่าโลกนี้ไม่แฟร์กับเธอเลย และเธอก็ต้องพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกนี้ไว้ตลอดเรื่อง เมื่อเอสเตลล่ากำลังจะแต่งงานกับเจ้านายของเธอ โดยที่ในสายตาของเธอมองว่าน้องสาวไปหลอกเขา อย่างเรื่องรักสัตว์ รักเด็ก แถมศัลยกรรมมาทั้งตัวอีก และยังเสพติด IG สร้างภาพตลอดเวลา ตัวเรื่องให้เหตุการณ์ที่นางเอกเจอแบบร้ายๆ ย่ำแย่ แต่น้องสาวกลับได้ดิบได้ดีตรงข้ามกันตลอดเรื่อง จนสุดท้ายก็กลายเป็นชนวนระเบิดมาลงเอยที่ม้านั่งในชุดเจ้าสาวนี้ในที่สุด ซึ่งส่วนนี้ก็เหมือนตัวดึงให้คนดูสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนเอาตอนจบมาแปะไว้แต่แรก ซึ่งก็ได้ผลทำให้เนื้อเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่ มีอะไรน่าติดตามมาจนถึงที่สุด ซีรีย์น่าดูที่นี่ ซีรี่ย์เอเชีย

Monday, April 19, 2021

รีวิวหนังรักสุดอบอุ่น เรื่อง Words on Bathroom Walls

คำพูดบนผนังห้องน้ำเป็นคำเฉพาะของอดัม (ชาร์ลีพลัมเมอร์) เด็กมัธยมปลายผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำอาหารด้วยความปรารถนาที่จะเป็นเชฟ การค้นหาความปลอบใจในการทำอาหารหลังจากที่พ่อของเขาเดินออกไปกับเขาและแม่ของเขา (มอลลี่ปาร์กเกอร์) อนาคตดูเหมือนจะสดใสสำหรับอดัมที่น่าคบหานั่นคือจนกระทั่งอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการของโรงเรียนทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนไปครึ่งปี
เหตุใดอุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นในเชิงจิตวิทยามากกว่าและเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมองเห็น "คำ" บางคำเหล่านี้ขณะที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภทซึ่งเป็นเรื่องที่ฮอลลีวูดจัดการบ่อยเกินไปในมิติเดียว ผู้ที่เป็นโรคจิตเภทสามารถแสดงให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและไม่เชื่อมต่อกับโลกผู้คนที่เป็นโรคจิตเภทสามารถทำหน้าที่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างมากและผ่านภาพเปลวไฟที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับ Thor Freudenthal ทำให้ความเจ็บป่วยนี้ได้รับแนวทางที่เข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับมวลชน
ตอนจิตเภทของอดัมมีรายละเอียดในลักษณะที่ช่วยให้เข้าใจว่าจะต้องเป็นอย่างไรในหัวของคนหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่กับความเจ็บป่วยดังกล่าว เขามองเห็นสิ่งต่างๆที่ไม่มีอยู่และจิตสำนึกภายในของเขาแสดงออกมาในรูปแบบของบุคคลในจินตนาการทั้งสามคนซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งแสงสว่างและความมืดว่าเขาควรปฏิบัติตนอย่างไร บอดี้การ์ดของโลโบเซบาสเตียนเป็นตัวแทนของทั้งการป้องกันตัวและความโกรธ แอนนาโซเฟียร็อบบ์ (น่ายินดีอย่างยิ่ง) ขณะที่รีเบคก้าเป็นจิตวิญญาณอิสระที่แสดงถึงความอ่อนโยน และ Joaquin ของ Devon Bostick เป็นสัญลักษณ์ของแนวโน้มฮอร์โมนของเขา

Saturday, April 17, 2021

รีวิวหนังรักอินเลิฟ เรื่อง Caught by a Wave

การถ่ายทอดเรื่องราวความรักของวัยรุ่นอย่างประณีตซึ่งคนรักดาราคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่กำลังจะตาย Netflix’s Caught by a Wave กำกับโดย Massimiliano Camaiti จากบทภาพยนตร์ที่ไม่มีความเสี่ยงของเขาเองเป็นเรื่องราวที่น่าพึงพอใจของวัยรุ่นที่หลงใหล ความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ในแกนหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้อ่านว่าหลงใหลเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอย่างเห็นได้ชัด กว่า 90 นาที Sara (Elvira Camarrone) และ Lorenzo (Roberto Christian) สามารถทำให้ฉันเชื่อมั่นได้ว่าพวกเขาเป็นคนที่น่ารัก แต่ไม่น่าเสียดายที่พวกเขามีความรักอย่างลึกซึ้งเหมือนที่พวกเขาอ้าง
นี่ไม่ใช่ความผิดของนักแสดงหนุ่มทั้งสองคนดูเรียบง่าย สิ่งที่ผิดพลาดเพิ่มเติมคือการก้าวเดินและการตัดต่อของภาพยนตร์ซึ่งพยายามเน้นช่วงเวลาที่ผ่านไปและจับความแตกต่างของความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโต เมื่อซาร่าและลอเรนโซพบกันอย่างน่ารักที่โรงเรียนสอนแล่นเรือใบช่วงฤดูร้อนที่งดงามราวกับว่ามีการพลิกสวิตช์หรือเปลี่ยนหน้าในสคริปต์ให้เหมาะสมกว่า พวกเขาตกหลุมรักและนั่นคือสิ่งนั้นและอุปสรรคทางร่างกายและอารมณ์แทบทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ต้องเผชิญกับความฉับไวแบบเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต้องรับรู้ถึงการทรยศหักหลังการเลิกราที่น่ากลัวและเจ็บปวดในผลพวงและการคืนดีในที่สุดทั้งหมดเกิดขึ้นภายในสองสามฉากโดยเหลือครึ่งหนึ่งของหนัง
อุปสรรคส่วนใหญ่ใน Caught by a Wave เกิดจากการที่ซาร่ามีอาการกล้ามเนื้อเสื่อมอย่างรวดเร็วซึ่งในตอนแรกเธอรักษาจากลอเรนโซซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์ของเธอในช่วงพักร้อน คุณสามารถเข้าใจว่าทำไม ซาร่าเป็นคนน่ารักดูเหมือนคนดีและไม่ได้รับภาระจากความเจ็บป่วยของเธออย่างเห็นได้ชัด ตะคริวที่ขากลายเป็นโปรแกรมการฟื้นฟูทั้งหมดในชั่วข้ามคืน เนื่องจากเธอไม่มีเวลาแม้แต่จะต่อสู้กับอนาคตที่ต้องนั่งรถเข็นของตัวเองทำไมเธอจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องแบ่งปันกับคนที่เธอแทบไม่รู้จัก ทำไมเธอถึงต้องการความสงสาร? และบางทีอาจจะมากกว่านั้นทำไมเธอถึงต้องการดับไฟแห่งความโรแมนติกครั้งเยาว์วัยด้วยกระสุนแบบนั้น?
ความสัมพันธ์นี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว - เร็วเกินไปจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่ลอเรนโซกำลังสารภาพรักที่ไม่มีวันตายฉันพยายามหาว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนับตั้งแต่พวกเขาพบกันเพราะมันไม่ได้รู้สึกเหมือนมากนัก คนหนุ่มสาวมักจะล้มลงบนส้นเท้าด้วยการยั่วยุเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่นี่ก็เร็วแม้ตามมาตรฐานปกติดังนั้นการเต้นที่ตามมาทั้งหมดจึงรู้สึกเร่งรีบเช่นกัน มีช่วงเวลาหนึ่งที่พ่อแม่ของ Sara รู้สึกผิดที่ลอเรนโซหลอกล่อลูกสาวที่มีค่าของพวกเขาให้อยู่ข้างนอกดึกและทันใดนั้นพวกเขาก็ทานอาหารเย็นร่วมกันโดยไม่มีฉากแห่งพัฒนาการระหว่างนั้น
ติดตามข่าวสารหนังใหม่อีกมากมาย ดูซีรี่ย์พากย์ไทย

Tuesday, April 13, 2021

รีวิวหนังคอมเมดี้ เรื่อง The Princess Switch: Switched Again

โดยเรื่องราวดำเนินมาในซีซันที่ 2 แล้วสำหรับ The Princess Switch: Switched Again และเรื่องราวก็เริ่มที่ สเตซี่ ที่เธอมองเห็นความจริงที่อยู่ใจของ มากาเร็ต ว่ารู้สึกอย่างไร ที่ต้องอึดอัดไม่กล้าบอกความในใจ กับ เควิน ดังนั้น สเตซี่ จึงอยากช่วยให้ มากาเร็ตและเควินนั้นสมหวังเธอจึงเริ่มแผนการสลับตัวกับมากาเร็ตเพื่อให้ พวกเขานั้นได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นโอกาสให้ทั่งคู่เผื่อความในใจของกันและกัน
เรื่องวุ่นๆไม่ได้จบลงแค่นั้นเมื่อฟีโอน่า (วาเนสซา ฮัดเจนส์) น้องสาวที่เป็นญาติของมากาเร็ตซึ่งหน้าตาเหมือนกันราวกับโคลนนิ่งปรากฏตัวขึ้น ความวุ่นวายครั้งใหม่ก็บังเกิดอีกครั้ง เพราะฟีโอน่าวางแผนที่จะขโมยสมบัติของมากาเร็ตเอาไว้ในครอบครองแต่เพียงผู้เดียว เธอจึงวางแผนสลับตัวด้วยวิธีการลักพาตัวมากาเร็ตไปขังไว้จนกว่าจะถึงพิธีสถาปนาพระราชินีองค์ใหม่เพื่อครองบัลลังก์ แต่กลายเป็นว่าแผนลักพาตัวครั้งนี้ก็วุ่นวายเกินคาดเดาอีกเช่นกัน
เอาเข้าจริงจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกคือต้องโยนตรรกะทุกอย่างกองทิ้งไว้ให้หมด เพราะตั้งแต่การที่ตัวละครหน้าเหมือนเป็นพิมพ์เดียวกันชนิดคนใกล้ตัวแยกไม่ออกนั้นก็ดูเหลือเชื่อและแปลกประหลาดจนน่าขนลุก ภาคนี้ยังทวีความสยองด้วยการเพิ่มคนหน้าเหมือนรายที่ 3 เข้ามา (นี่มันหนังโรแมนติกหรือกาเหว่าที่บางเพลง!) ยังไม่รวมถึงประเทศสมมติอย่างมอนเตนาโรก็ดูเป็นประเทศเล็กๆที่ดูไม่มีกิจกรรมเชิงการเมืองใดๆ ประหนึ่งประเทศเจนโนเวียแบบเดียวกับใน The Princess Diaries ที่เป็นประเทศเอาไว้เสวยสุขของชนชั้นกษัตริย์อย่างไรอย่างนั้น

Sunday, April 11, 2021

รีวิวซีรีย์เรื่อง Call Me By Your Name

ต้องบอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ถือว่าเป็นภาพยนต์ที่สมควรได้รับรางวัลอย่างแท้ทรูคอล มี บาย ยัวร์ เนมได้รับคำชมเป็นอย่างมาก ทั่งด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น บทภาพยนตร์ การกำกับการแสดง และเพลงประกอบคอล มี บาย ยัวร์ เนมได้รับรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 อีกทั้งยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และสาขาเพลงนำยอดเยี่ยม ในด้านบทภาพยนตร์เจมส์ ไอวอรี่ ได้รับรางวัลคริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด ครั้งที่ 23, รางวัลสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา ครั้งที่ 70 และรางวัลแบฟตา ครั้งที่ 71 สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ในส่วนของไทโมธี ชาลาเม็ตก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลแบฟตา, รางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และคริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
นี่คือหนังที่สมควรเต็งจ๋าออสก้าร์ที่แท้ทรู คือกระแสแรงมากตั้งแต่ที่ฉายที่ เทศกาลซันแดนซ์ ถึงขนาดว่าถูกยกให้เป็น หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของเทศกาล และกระแสดีกว่า Dunkirkคือหลังจากดูจบคือดีมาก อิมแพคมาก มีมิติมาก ภาพสวยมาก coming-of-age มาก คือหนังดีมากจริง Mood And Tone ก็ดีมาก ไปในทางเดียวกัน
ที่ชอบที่สุดคือ ตัวละครหลัก เอลิโอ เพิร์ลแมน (ไทโมธี ชาลาเม็ต) เป็นตัวละครที่มี สเน่ห์ มีมิติ น่าค้นหา มีความลุ่มหลง หมกมุ่น ซับซ้อน มีหลากหลายเฉดทางอารมณและความรู้สึก คืออยากยืนปรบมือให้ 30 นาที กับการตีโจทย์จากบท คือเราดูแล้วเรายังคิดเลยว่าในหัวต้องคิดอะไรอะอยู่ถึงแสดงได้ดีขนาดนั้นคือกล้าพูดว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดของปีนี้ เท่าที่ได้ดู (ดูตอนปี 2018 ณ สิ้นเดือน เมษายน) คือไม่รู้จะติตรงไหน คือชื่นชม ผู้กำกับมาก ตีความออกมาดี
หลังดูจบให้ความรู้สึกคล้าย Boyhood คือรู้สึกว่าเราได้เฝ้าดูการเติบโตของคนหนึ่งคน ที่สิ่งรอบๆตัวเค้าดำเนินไป เค้าจะรับมือกับมันอย่างไร มีหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้และอีกอย่างที่ต้องกราบคือภาพ ที่ได้ คุณสยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพ ที่เคยกำกับภาพให้หนังของ ‘เจ้ย’ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล มานักต่อนักทั้ง สุดสเน่หา, แสงศตวรรษ รวมทั้ง ผลงานมาสเตอร์พีชอย่าง ลุงบุญมีระลึกชาติ ที่ก็เคยกวาดรางวัลมาอย่างมากมาย ติดตามข้อมูลได้ที่นี่ ดูซีรี่ย์ใหม่ออนไลน์

Friday, April 9, 2021

รีวิวภาพยนตร์เรื่องอีเรียมซิ่ง – ความฮาไม่จำกัด

นานๆที่จะได้เห็นภาพยนตร์แนวย้อนยุคและเป็นคอมเมดี้ด้วยซึ่งภาพยนตร์เรื่อง อีเรียมซิ่ง ก็เป็นที่น่าสนใจเมื่อเราได้เห็นตัวอย่างของหนังแล้ว ก็รู้ว่านักแสดงแต่ละครนั้นแสดงออกมาได้เต็มที่จริงๆ โดยเรื่องราวของ อีเรียมซิ่ง นั้นเป็นเรื่องราวของโจรปากแดงที่ต้องการล่าสาวพรหมจรรย์ เพื่อมาทำให้ตัวเองนั้นเป็นอมตะ และจุดหมายของโจรพวกนี้ก็คือ อีเรียม ที่เป็นสาวแสบ แห่งบางน้ำกร่อย เธอกล้าหาญและไม่กลัวใคร แต่งานนี้อีเรียมไม่ได้สู้เพียงลำพังเพราะยังมีพรรคพวกสุดแสบทั้งฟักทอง เพื่อนกะเทยร่วมเรือน, ศรฆ้อนมหากาฬ , โตโล่บิน และ หมอ หมอยาสมุนไพรวิเศษ งานนี้อเวนเจอร์แห่งบ้านบางน้ำกร่อยจะช่วยครอบครัวจากโจรร้ายได้หรือไม่
ปัญหาแรกต้องยอมรับเลยว่าตัวบทหนังดูจะยังไม่สามารถทำให้เรารักอีเรียมได้มากพอจะเอาใจช่วยนางเท่าไหร่นัก คือจากตัวอย่างเราเห็นเรียมเปิ่นฮาและก๋ากั่นยังไงตัวหนังจริงก็ไม่ได้ให้อะไรเรามากกกว่านั้นสักเท่าไหร่ และยิ่งการให้เบลลาเล่นมุกตลกแบบรวมฮิตทั้งมุก “ท่านเกียรติผู้มีแขก” มุกปักตะไคร้ หรือบรรดามุกสังขารต่าง ๆ ก็ทำให้เบลลาดูเป็นหุ่นยนต์ก๊อปปี้มุกตลกมากกว่าจะสร้างเสน่ห์ให้เธอเหมือนอย่างบทแม่การะเกดในบุพเพสันนิวาส แม้ว่าต้องยอมรับว่าเธอก็เล่นตลกแบบไม่ห่วงสวยจนสร้างความครื้นเครงให้หนังได้อยู่บ้างก็ตาม
ส่วนปัญหาต่อมาแม้ว่าหนังจะมีคอนเซ็ปต์การเป็นหนังผจญภัยสไตล์นิยายเพชรพระอุมาที่มีทั้งจระเข้ยักษ์ งูเห่าเพลิง มีคาถาอาคมแต่ด้วยคุณภาพงานสร้าง CG ต่าง ๆ ที่ทำได้ไม่ถึงพอมันอยู่ในหนังก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรนักและด้วยจังหวะหนังที่เหมือนถูกบังคับท่าไม้ตายให้เป็นหนังตลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบมันเลยถูกนำเสนอแบบขอไปที แถมยังต้องเจียดเวลาของหนังมาให้น้าค่อม โรเบิร์ตสายควันและบอล เชิญยิ้ม ได้เล่นมุกสังขารปากบวมตัวบวมอะไรอีก จนฉากผจญภัยที่ควรสร้างความตื่นเต้นหมดพลังไปอย่างน่าเสียดาย
แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังมีจุดที่ทำให้เราได้สนุกไปกับมันอยู่บ้างโดยเฉพาะการมีอยู่ของแพท ณปภา ตันตระกูล ที่สามารถฉายเสน่ห์ในมุกโดนวางยาว่านราคะที่ทั้งเซ็กซี่และฮาสุด ๆ รวมไปถึงมุกบีตบ็อกซ์ที่ต้องยอมรับเลยว่าขโมยซีนเบลลาเห็น ๆ แถมการปรากฎโฉมของแพทในชุดเกาะอกแบบไทย ๆ ยังน่าจะได้ใจหนุ่ม ๆ ได้ไม่ยากเลยทีเดียว

Wednesday, April 7, 2021

รีวิวซีรีส์เรื่อง To All the Boys: Always and Forever

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ลาร่า จีน ที่เธอมีความฝันที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยเพื่อทำตามความฝันกับอาชีพที่เธอเป็น แต่นั้นก็คงขัดกับความเป็นจริงที่เธอยังมีคนรัก ปีเตอร์ ที่ดันมีความคิดไม่ตรงกัน มันทำให้ทั่งสองคนสับสนเป็นอย่างมากและสำหรับลาร่า จีน นั้นคือเธอต้องเลือกระหว่างการเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำตามความฝันที่ตนเองนั้นได้ฝันเอาไว้ แต่อีกทางหรือเธอต้องเลือกความรัก ที่หวานจนมดขึ้น และดูทั่งสองจะรักกันเอาสะมากๆๆก็ว่า เรามาติดตามกันดีกว่าว่า ลาร่า จีน จะเลือกทางใด
ต้องขอบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นหนังรักที่ไม่ใช่หนังรักแบบจ๋า ๆ ตลอดทั้งเรื่องอะไรมากมาย เพราะหลัก ๆ ที่เนื้อเรื่องพูดถึงนั้น จะเป็นการเลือกเส้นทางอนาคตของตัวเอง เริ่มที่จะมีความฝันแต่ดันมาติดขัดกับการเลือกเส้นทางให้กับตัวเองอะไรทำนองนี้ค่ะ และที่เราบอกว่าหวานจนมดขึ้นเนี่ยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโมเม้นต์น่ารัก ๆ กุ้กกิ้กของ ลาร่า จีน กับ ปีเตอร์ ค่ะ ทำเอาอมยิ้มตามเลย ซึ่งที่เราชอบมาก ๆ ก็คือ ตัวละครอื่น ๆ ได้มามีบทบาทในเรื่องของความรักให้เรารู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจตาม
ไปด้วย ซึ่งเป็นหนังที่เหมาะสมที่จะดูในวันวาเลนไทน์จริง ๆ เลย ถึงแม้ว่าหลัง ๆ จะเริ่มมีดราม่าตามมา แต่แน่นอนว่าเป็นดราม่าที่มีการไขปมแน่นอน ไม่ทำให้คุณรู้สึกงุนงง แล้วก็ที่เราชอบมากที่สุดคือมีการนึกย้อนไปยังอดีตตอนพบเจอครั้งแรก ๆ มันจะทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น คือแบบว่ามันโรแมนติกมากจ้า ชอบบแบบชอบมาก ๆ ต้องไปดูภาคที่ 1-2 แล้วต้องบอกเลยว่าเราก็ยังไม่เคยดูมาก่อนแล้วก็ต้องขอชื่นชมอีกครั้งภาค 3 ที่เขาทำขึ้นมามันดูแล้วไม่มีความงงเลยถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยดูภาคก่อน ๆ ก็ตาม สนุกมากค่ะ ต้องไปดูกันแล้วว
ชอบไหม? ยังมีให้ดูอีกเพียบคลิ๊กสิ รีวิวซีรี่ย์โรแมนติกคอมเมดี้

Monday, April 5, 2021

รีวิวหนังรักเร่าร้อน เรื่อง Fifty Shades of Grey ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์

หนังเรื่อง Fifty Shades of Grey – ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ จะค่อนข้างไปในด้านเน้นเรื่องรักที่แสดงออกมากๆ ฉากเร่าร้อนก็คือดี โดยหนังจะเล่าเรื่อง สตีล นักศึกษาสาวที่จบเอกวรรณกรรม ที่เธอมีโอกาสในการได้สัมภาษณ์ในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีผู้บริหารรูปหล่อชื่อคริสเตียน เกรย์ นี่คือเหล่าความฝันของเหล่าสาวๆไม่ว่าจะสาวเล็กสาวใหญ่ต่างไฝ่ฝันที่จะได้เข้าทำงานและครอบคลองหัวใจของ คริสเตียน เกรย์ และ สตีล ก็เป็นผู้โชคดีคนนั้นที่ได้เข้าไปทำงานในบริษัทของ คริสเตียน เกรย์
รอบนี้ผมว่าผมชอบภาคนี้มากขึ้นนะ ผมลองมองหาข้อดีของหนังดูแล้วกลับพบว่าภายใต้ข้อเสียนั้นถ้าเจาะลงไปดีๆ จะพบว่ามันจะมีข้อดีซ่อนอยู่ อย่างในเรื่องของบท หลายคนบ่นว่ามันไม่มีอะไร แต่ถ้าลองพิจารณาดีๆ ผมว่าบทมีอะไรน่าสนใจอยู่เยอะเลยนะ อย่างเรื่องชีวิตรัก การลองเปิดใจ และการคบใครสักคน แอนา เป็นสาวอินโนเซ็นต์ที่ค่อนข้างอ่อนต่อโลก เธอได้มาพบกับคริสเตียน หนุ่มรูปหล่อที่มีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่างในการเป็นชายในฝันของผู้หญิงหลายคน มันน่าสนใจตรงที่แอนามีอะไรที่คริสเตียนคิดว่าน่าค้นหาครับ ถึงเธอจะเป็นสาวที่อ่อนต่อโลก แต่เธอฉลาดและมีไหวพริบ ไม่ยอมอ่อนข้อให้ครับคริสเตียนทั้งๆ ที่คริสเตียนเรื่องนี้ดูเหมือนเขาจะมีอำนาจมากเลยนะ แต่แอนาไม่สนครับ เธอคิดว่าถ้าคุณดีจริง คุณต้องแสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมา และคริสเตียนก็เริ่มปรับตัวให้ Local ขึ้นเพื่อพิชิตใจแอนา และพอแอนาเริ่มยอมรับคริสเตียน คริสเตียนก็ลองที่จะให้แอนามาสัมผัสโลกของเขาบ้าง นั่นคือที่มาของฉาก "เฮลิคอปเตอร์"
และพอคริสเตียนพาแอนามารู้จักกับโลกของเขา(ห้องแดง) เธอเริ่มคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เศรษฐีพันล้านธรรมดาแล้วล่ะ เธออยากลองเข้าไปสู่โลกของคริสเตียนเพื่อที่จะทำให้เขาเข้าใจกันและกันมากขึ้น นั่นคือที่มาของฉากโจ๊ะพรึมพรึมที่มีความยาวร่วมเกือบจะครึ่งชั่วโมงจากหนังความยาว 2 ชั่วโมง! หลายฉากทีแรกผมก็มองว่ามันก็ค่อนข้างธรรมดานะ แต่พอมาดูรอบนี้ ผมว่าในความธรรมดานี่ก็มีอะไรที่น่าสนใจแฝงอยู่นะ
ฉากโจ๊ะพรึมพรึมที่ใส่มามันเหมือนกันแลกเปลี่ยน Taste ของสองคนนี้อ่ะครับ มันก็เหมือนการทดลองรสนิยมของทั้งคู่ว่าเราเข้ากันได้รึเปล่า และในฉากสุดท้าย ที่คริสเตียนเริ่มเผยด้านมืดเขาออกมา ด้วยความรักที่มีต่อเขาของแอนา เธอจึงลองมอบกายและใจของเธอให้ผู้ชายคนนี้ลองทดสอบแบบจริงๆ ว่าเราจะไปกันรอดรึเปล่า ถ้า Taste คุณและ Taste ฉันไปกันได้ คุณก็ต้องพยายามควบคุมมันให้ได้ ไม่ให้ความต้องการของคุณมันมาครอบงำจนกลายเป็นลุ่มหลง แต่ว่าคริสเตียนทำไม่ได้ เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ ทำให้แอนาต้องตัดใจเสียตอนนี้ดีกว่าจะเสียทั้งกายและใจให้กับความลุ่มหลงของเขา ทำให้ "แอนา" และ "คริสเตียน" ต้องจบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลงที่จุดนั้น และในตอนจบนั้น หลายคนบอกว่ามันจบห้วน แต่ผมเริ่มพิจารณาดู ผมว่ามันก็สะท้อนความจริงนะ เพราะเวลาเราตัดขาดจากคนที่เราเคยมอบทั้งกายและใจนั้น ทุกอย่างมันจะผ่านไปเร็วมากครับ เหมือนกับว่าเวลาที่เรากับเขาใช้ด้วยกันเนี่ย มันไร้ค่าและเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ใครที่เคยถูกเทจะเข้าใจฟิลลิ่งนี้ครับ

Sunday, April 4, 2021

รีวิวหนังเรื่อง Milf - คุณพี่สุดเปรี้ยว

อาจจะเป็นหนังที่ 18 + บ้างแต่เรื่องถือว่าใช้ได้นะ เพราะหากใครที่ชอบหนังแนว สาวรุ่นใหญ่เอวดีหุ่นเฟิร์มชายฝรั่งเศสหล่อกล้ามเป็นมัด มีในหนังเกือบทั่งเรื่องจริงๆ 555 แต่มุกอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ เราเลยไม่ค่อยอินกับมุกที่พวกนางเล่นกันเท่าไร แต่ก็ถือว่าโอเคละ ในหนังพูดถึงเรื่อง สามสาววัยคุณแม่ ที่มาพักผ่อนวันหยุดในบ้านพักริมทะเลสุดหรู แล้ววันหนึ่งเมื่อสามสาวกำลังพักผ่อนอยู่ก็มีหนุ่มวัยรุ่นน้องหรือรุ่นลูกหนุ่มไลฟ์การ์ดได้เห็นสามสาวเข้า และปิ้งในความเซ็กซี่ของพวกเธอจึงได้พยายามเข้าหาเพื่อหวังฟันพวกเธอ
สูงวัยแต่ใจแซ่บ เป็นภาพยตร์ตลกฝรั่งเศสที่ เป็นคนออกทุนให้มีพากย์อังกฤษด้วยในเรื่องด้วย แต่ว่าไม่มีพากย์ไทย โดยภายในเรื่องจะกล่าวถึงกลุ่มสามสาวที่รักอันวุ่นวายกับเหล่าวัยรุ่นหนุ่มที่ดูเหมือนจะผิดศีลธรรมของคนปกติไป ทำให้ภายในเรื่องมีการยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นระยะว่า มันเหมาะจริง ๆ หรือที่จะอยู่กินกับวัยรุ่นชายได้ และคนอื่นจะมองว่าอย่างไรเมื่อผู้ใหญ่มาอยู่กับวัยรุ่นพวกนี้ แต่ว่าก็น่าเสียดายที่เรื่องนี้ยังนำเสนอประเด็นนี้ได้ยังไม่ได้ดีพอที่จะไปคิดอะไรต่อได้ เพราะเอาไปลงเรื่องประเด็นอื่นซะมากกว่า
ฉากโรแมนติกสุดธรรมดาและเซ็กซ์สุดธรรมดา เป็นหนังที่ฉากเหล่านี้ดูธรรมดามาก ๆ ทั้งมุมกล้องและการถ่ายทำ ไม่ได้ทำให้รู้สึกมีความโรแมนติกอะไรเลยในเรื่อง และดูเหมือนผู้กำกับเรื่องนี้จะต้องการให้มันดูสมจริง เลยไม่ได้ใส่เสียงประกอบฉากให้ดูเร่าร้อนขึ้น มันจึงน่าเสียดายมากที่นักแสดงชายหล่อ และนักแสดงหญิงเซ็กซี่เหล่านี้มามีอะไรกัน แต่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกฟินไปด้วย
มุกตลกภายมีตลกอยู่ไม่กี่ฉาก ส่วนใหญ่จะแป๊กหมด และเล่นไม่ได้ดูสถานการณ์ อย่างบางฉากมันจะจริงจัง แต่กลับโดนขัดด้วยมุก แล้วก็กลับมาจริงจังต่อ จึงทำให้สงสัยว่าการใส่มาแบบนี้มันจะทำให้ดีได้จริง ๆ รึเปล่า? ส่วนเพลงประกอบเรื่องนี้ทำได้ออกมาฟังแล้วเข้ากับบรรยากาศในเรื่องมากอย่างในผับในบาร์ ฟังแล้วรู้สึกสนุกตาม แต่บางครั้งบางฉากที่ควรมีเสียงประกอบ กับเงียบไม่ส่งเสริมความสนุกให้หนัง ทำให้หนังเรื่องนี้เล่าออกมาไม่สนุกด้วยเพราะมันมีช่วงเงียบที่นานเกินไป แถมยิ่งไปส่งผลการตัดต่อที่ตัดสลับไปมาที่แย่อยู่แล้ว ทำให้แย่เข้าไปอีก ฝั่งโปรดักชั่นนี้ถือว่าไม่ผ่านอย่างแรงเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าจะดูฉากฮา ๆ 18+ จริง ๆ เราขอแนะนำเรื่องนี้ดีกว่าDesperados เสียฟอร์ม ยอมเพราะรัก ของฝั่งอเมริกาดีกว่า
สำหรับดารานักแสดงเรื่องนี้ พบว่าเหล่าคุณแม่ในเรื่องนี้มีประสบการณ์การแสดงมาอย่างมากมายเข้าถึงบทตัวละครได้อย่างดี ต่างจากนักแสดงชายที่มีการแสดงเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น เรียกได้ว่าทั้งหนัง และการแสดงฝ่ายหญิงนี้ต้องนำฝ่ายชายก่อนแน่นอนเลย ติดตามดูซีรีส์ ซีรีย์โรแมนติก

Saturday, April 3, 2021

รีวิวหนังคอมเมดี้เรื่อง EMMA

ภาพยนตร์ที่สร้างจาก จากนิยายรักอารมณ์เสียดสีสังคมอย่าง Jane Austen ต้องบอดเลยว่ากลับมาครั้งนี้คือก็ดีเหมือนเดินละ และยังคงพูดถึงความเท่าเทียมในสังคมแถมมีมุขให้เราได้ขำขันกันแบบเล็กน้อย และในส่วนของ เอ็มมา สาวน้อยในวัย 21 ปี เธอมีชีวิตที่เงียบสงบในหมู่บ้านเล็กๆของเธอ แถววันหนึ่งเธอไม่ต้องทำอะไรเลย งานไม่ต้องทำ ชีวิตไปวันแบบหรูๆสบายๆ
จะว่าไปครอบครัวของเอ็มมาก็มีความเพี้ยนเบา ๆ เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังโตกับ มิสเตอร์วู้ดเฮาส์ (Bill Nighy) พ่อผู้อ่อนแอ ขี้เหงาและวิตกจริตกับความหนาว จนความขี้เหงาก็ส่งต่อมาถึงเอ็มมาในที่สุด เมื่อพี่เลี้ยงแต่งงานไปแล้ว เธอยิ่งว่างเข้าไปใหญ่ก็เหงาแหละ ดูออก เธอหันไปหา แฮร์เรียต สมิธ (Mia Goth) หญิงสาวในหมู่บ้านที่มีฐานะต่างกับเธอและเอาเวลาว่าง ไปใส่ใจความรักของแฮร์เรียตอย่างตั้งใจ อุปโลกตัวเองเป็นแม่สื่อแม่ชักจัดการความรักของแฮร์เรียต ด้วยความหวังดีผสมกับความถือดีที่ว่า เธอรู้ว่าอะไรดีสำหรับแฮร์เรียต
แต่การจับคู่คราวนี้มันไม่ได้ราบรื่นอย่างคราวที่แล้ว เพราะในความจริงแล้วเอ็มมาไม่ได้ประสาอะไรเลยกับเรื่องความรัก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองรักใครและใครรักเธอ เอ็มมาเขามีผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักมานานคือ มิสเตอร์ไนท์ลีย์ (Johnny Flynn) สองคนนี้เขามีความเกี่ยวดองกันคือ พี่สาวของเอ็มมาแต่งงานกับพี่ชายของไนท์ลีย์ ก็ดองในโหลเดียวกัน ใกล้ชิดกัน ไนท์ลีย์นี่เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ร่ำรวยที่ส่ายหัวให้กับเอ็มมาในหลาย ๆ เรื่อง พยายามเตือน พยายามแย้งแต่เอ็มมาก็ไม่ค่อยจะฟัง ยังคงพยายามจับคู่ให้ชาวบ้านจนเรื่องมันเกือบจะจบไม่สวย แต่สุดท้ายก็พลิกสถานการณ์ได้ในที่สุดเมื่อไนท์ลีย์ได้สอนอะไรเธอบางอย่าง
เวอร์ชันนี้ใช้การเล่าเรื่องแบบใหม่ ไร้แล้วซึ่งการเกริ่นนำ ไม่ต้องเรียกร้องให้แนะนำตัวละคร ใครเป็นใคร? มีความสัมพันธ์กันยังไงนะ? เพราะหนังไม่คิดจะบอก ถามว่ากระทบกับอรรถรสการดูภาพยนตร์ไหม สำหรับคนที่รู้จักเอ็มมาอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักเอ็มมาเป็นครั้งแรก อาจจะงงนิดหน่อย แต่บริบทโดยรวมสามารถทำให้เข้าใจจนได้ว่า อ๋อ…มันเป็นอย่างงี้

รีวิวหนังโรแมนติก Royalteen (2022) รอยัลทีน

  รีวิวหนังโรแมนติก Royalteen (2022) รอยัลทีน จาก Netflix  ติดตามความรักจากนิวนิยายขายดีเกี่ยวกับ คาร์ล โยฮัน เจ้าชายที่พยายามสร้างความรักที...